“สุพจน์” เบี้ยวนัดแจง “ธงทอง” อ้างติดพักผ่อนยาวอยู่ต่างประเทศ

“สุพจน์” เบี้ยวนัด “ธงทอง” ส่งถึงหนังสือแจง ลาพักผ่อนไปต่างประเทศยาว คกก.ทำหนังสือเรียกใหม่ 12 ม.ค.ปีหน้า ตั้งประเด็นสอบส่วนต่างเงินของกลาง 18 ล้าน ขณะปลัดคมนาคมอ้างโดนปล้นแค่ 5 ล้าน

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 17 ธ.ค. ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงคดีนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีถูกกล่าวหาเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการว่า วันนี้ (27 ธ.ค.) คณะกรรมการได้ทำหนังสือเรียกนายสุพจน์เข้ามาชี้แจงในเวลา 13.30 น. แต่นายสุพจน์ได้มอบอำนาจให้นายไกรเมธ วรศะริน ทำหนังสือชี้แจงมายังคณะกรรมการฯ ผ่านกระทรวงคมนาคม เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ว่า นายสุพจน์ไม่สะดวกที่จะมาชี้แจงในวันและเวลาดังกล่าว เนื่องจากใช้สิทธิ์ลาพักร้อนประจำปีเพื่อเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศ จึงขอเลื่อนคำชี้แจงไปก่อน ทั้งนี้ คณะกรรมการจะทำหนังสือเรียกนายสุพจน์ มาชี้แจงอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 12 ม.ค. 2555

นายธงทองกล่าวว่า ตามคณะกรรมการได้หารือถึงแนวทางการสอบสวนภายหลังได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจวังทองหลางในฐานะเจ้าของคดี ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจะเน้นการสอบสวนในประเด็นจำนวนเงินที่ผู้ต้องหาและนายสุพจน์ให้การต่อตำรวจต่างกัน กล่าวคือผู้ต้องหาได้ให้การต่อตำรวจว่าเงินของกลางจำนวน 18 ล้านบาท ที่ยึดได้นั้นมาจากการลักทรัพย์ที่บ้านนายสุพจน์ ขณะที่นายสุพจน์ระบุว่าเงินที่ผู้ต้องหาได้ไปจากบ้านนั้นทีจำนวนเพียง 5 ล้านบาท ซึ่งมีที่มาการเงินสินสอดและของรับไหว้จากงานแต่งของบุตรสาว ดังนั้น เงินส่วนต่างที่ 2 ฝ่ายให้ข้อมูลจึงต่างกันถึง 13 ล้านบาท เหตุนี้คณะกรรมการฯ จึงต้องเรียกนายสุพจน์มาชี้แจงที่มาของเงินส่วนนี้เป็นลำดับแรก ก่อนจะเชื่อมโยงไปส่วนอื่นๆ ส่วนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ระบุถึงผลความคืบหน้าในการสอบสวนโดยอ้างถึงสายรัดเงินที่เชื่อมโยงกับโครงการของกระทรวงคมนาคมนั้น คณะกรรมการฯ รับทราบแล้วยังไม่ได้นำมาพิจารณาร่วมแต่อย่างใด เพราะเป็นคนละส่วนกันและอยากได้คำชี้แจงของนายสุพจน์ก่อน

นายธงทองยังชี้แจงการถูกย้ายมาช่วยราชการของนายสุพจน์ด้วยว่า นายสุพจน์ได้มาช่วยราชการในส่วนสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งขึ้นตรงกับนายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขึ้นตรงกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด