ญาติผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม บุกกรรมการสิทธิฯ ทวงรายงานสรุปเหตุฆ่า 91 ศพ พร้อมมอบภาพน้องเกดถ่ายคู่เสธ.แดง เป็นของขวัญปีใหม่เตือนความทรงจำ เชื่อมีคนตายโดยไม่ได้ทำผิด
วันนี้ (27 ธ.ค.) นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ “น้องเกด” น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม พร้อมด้วยญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อเดือน มี.ค.-พ.ค. 2553 จำนวน 7 ราย เดินทางเข้าพบนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ เพื่อติดตามการดำเนินการรายงานตรวจสอบกรณีเหตุการณ์การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังจากเคยยื่นหนังสือขอคำชี้แจงจากกสม.เมื่อช่วงเดือน ก.ค.54 ที่ผ่านมาแต่ไม่มีความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพะเยาว์ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้กับนางอมราโดย เป็นรูปของ น.ส.กมลเกด ที่ถ่ายคู่กับเสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นภาพที่ถ่ายคู่กันก่อนที่เสธ.แดงจะเสียชีวิต 2 วัน โดยนางพะเยาว์เปิดเผยว่า รูปดังกล่าวไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน แต่ที่นำมาครั้งนี้ก็เนื่องจากอยากเตือนใจ กสม.ว่ามีหลายคนที่ต้องตายโดยที่ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
โดยนางพะเยาว์ขอให้ กสม.เร่งทำรายงานดังกล่าวออกมา เพื่อให้สังคมไทยได้รับทราบขอเท็จจริงว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมารายงานดังกล่าวมีความล่าช้าอย่างมาก ญาติของผู้เสียชีวิตนอกจากจะกระทบจิตใจแล้วยังต้องมาเสียใจที่ญาติของตัวเองถูกกล่าวหาว่าเป็นก่อการร้าย อีกทั้งบริษัทประกันชีวิตที่ทำไว้ก็ยังไม่จ่ายเงิน เพราะคำว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ก่อการร้าย จึงอยากเรียกร้องให้ กสม.เร่งทำรายงานดังกล่าวออกมา และอยากขอความชัดเจนว่าจะมีการรายงานความคืบหน้าของรายงานฉบับของกสม.เมื่อไหร่
ด้าน นางอมรากล่าวว่า ที่ผ่านมารายงานของ กสม.มีความล่าช้าเนื่องจากจะต้องมีความละเอียดรอบครอบในทุกด้าน ทุกประเด็น อีกทั้งจะต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากเข้ามาสอบถามข้อมูล ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลามาก อีกทั้งที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความร่วมมือจากทางตำรวจมาเข้าให้ข้อมูลเลย โดยประเด็นที่ กสม.ติดตามตรวจสอบก็คือว่ารัฐบาลมีการละเมิดสิทธิของผู้ชุมนุม หรือผู้ชุมนุมมีการละเมิดสิทธิของรัฐบาล แต่รับปากว่าจะรายงานความคืบหน้าให้เป็นระยะ โดยขั้นแรกจะรายงานความคืบหน้าหลังการประชุมอนุกรรมการ กสม.ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือน ม.ค.ตามที่นางพะเยาว์เรียกร้องเข้ามา โดยจะเป็นการแถลงการณ์ย่อยในเรื่องดังกล่าว
นางพะเยาว์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบนางอมราว่า ที่ต้องมาในครั้งนี้ เนื่องจากความล่าช้าของในการทำงานของกสม. จากครั้งที่ผ่านมาตนมายื่นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4-5 เดือนมาแล้วแต่กลับไม่มีความคืบหน้า แต่ครั้งนี้ทางนางอมรา รับปากแล้วว่าจะมีการแถลงความคืบหน้าเป็นระยะโดยครั้งแรกจะแถลงช่วงเดือน ม.ค.ปี 2555 ตนจึงอยากให้สื่อมวลชนเป็นด้วย และการแถลงดังกล่าวตนก็จะมาเข้าร่วมรับฟังและตนจะสอบถามทุกข้อสงสัยด้วยตัวเอง ส่วนที่ กสม.ชี้แจงว่าที่ผ่านมามีความล่าช้าเนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากทางตำรวจนั้น ตนจะได้ไปขอร้องกับ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้มีการประสานข้อมูลกัน กสม.ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณชนสักที เพราะลดความแคลงใจของญาติผู้เสียชีวิต
“เรื่องนี้เราต้องติดตามตลอด ไม่ให้เรื่องเงียบอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้น 10 ปีก็จะมีเหตุการณ์ฆ่ากันแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก เราไม่ต้องการอนุสาวรีย์ แต่เราต้องการวัคซีนของสังคมไทยป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นมา แล้วต้องมีใครมาเสียใจอีก การมอบของขวัญให้กับ กสม.นี้ก็เพื่อเตือนใจให้เร่งรัดการทำงาน และหลังจากนี้ก็จะเดินทางไปมอบของขวัญให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการทำงานทั้ง กองทัพบก และกระทรวงกลาโหม”
วันนี้ (27 ธ.ค.) นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ “น้องเกด” น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม พร้อมด้วยญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อเดือน มี.ค.-พ.ค. 2553 จำนวน 7 ราย เดินทางเข้าพบนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ เพื่อติดตามการดำเนินการรายงานตรวจสอบกรณีเหตุการณ์การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลังจากเคยยื่นหนังสือขอคำชี้แจงจากกสม.เมื่อช่วงเดือน ก.ค.54 ที่ผ่านมาแต่ไม่มีความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพะเยาว์ได้มอบของขวัญปีใหม่ให้กับนางอมราโดย เป็นรูปของ น.ส.กมลเกด ที่ถ่ายคู่กับเสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นภาพที่ถ่ายคู่กันก่อนที่เสธ.แดงจะเสียชีวิต 2 วัน โดยนางพะเยาว์เปิดเผยว่า รูปดังกล่าวไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน แต่ที่นำมาครั้งนี้ก็เนื่องจากอยากเตือนใจ กสม.ว่ามีหลายคนที่ต้องตายโดยที่ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
โดยนางพะเยาว์ขอให้ กสม.เร่งทำรายงานดังกล่าวออกมา เพื่อให้สังคมไทยได้รับทราบขอเท็จจริงว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมารายงานดังกล่าวมีความล่าช้าอย่างมาก ญาติของผู้เสียชีวิตนอกจากจะกระทบจิตใจแล้วยังต้องมาเสียใจที่ญาติของตัวเองถูกกล่าวหาว่าเป็นก่อการร้าย อีกทั้งบริษัทประกันชีวิตที่ทำไว้ก็ยังไม่จ่ายเงิน เพราะคำว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ก่อการร้าย จึงอยากเรียกร้องให้ กสม.เร่งทำรายงานดังกล่าวออกมา และอยากขอความชัดเจนว่าจะมีการรายงานความคืบหน้าของรายงานฉบับของกสม.เมื่อไหร่
ด้าน นางอมรากล่าวว่า ที่ผ่านมารายงานของ กสม.มีความล่าช้าเนื่องจากจะต้องมีความละเอียดรอบครอบในทุกด้าน ทุกประเด็น อีกทั้งจะต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากเข้ามาสอบถามข้อมูล ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลามาก อีกทั้งที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความร่วมมือจากทางตำรวจมาเข้าให้ข้อมูลเลย โดยประเด็นที่ กสม.ติดตามตรวจสอบก็คือว่ารัฐบาลมีการละเมิดสิทธิของผู้ชุมนุม หรือผู้ชุมนุมมีการละเมิดสิทธิของรัฐบาล แต่รับปากว่าจะรายงานความคืบหน้าให้เป็นระยะ โดยขั้นแรกจะรายงานความคืบหน้าหลังการประชุมอนุกรรมการ กสม.ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือน ม.ค.ตามที่นางพะเยาว์เรียกร้องเข้ามา โดยจะเป็นการแถลงการณ์ย่อยในเรื่องดังกล่าว
นางพะเยาว์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบนางอมราว่า ที่ต้องมาในครั้งนี้ เนื่องจากความล่าช้าของในการทำงานของกสม. จากครั้งที่ผ่านมาตนมายื่นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4-5 เดือนมาแล้วแต่กลับไม่มีความคืบหน้า แต่ครั้งนี้ทางนางอมรา รับปากแล้วว่าจะมีการแถลงความคืบหน้าเป็นระยะโดยครั้งแรกจะแถลงช่วงเดือน ม.ค.ปี 2555 ตนจึงอยากให้สื่อมวลชนเป็นด้วย และการแถลงดังกล่าวตนก็จะมาเข้าร่วมรับฟังและตนจะสอบถามทุกข้อสงสัยด้วยตัวเอง ส่วนที่ กสม.ชี้แจงว่าที่ผ่านมามีความล่าช้าเนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากทางตำรวจนั้น ตนจะได้ไปขอร้องกับ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้มีการประสานข้อมูลกัน กสม.ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณชนสักที เพราะลดความแคลงใจของญาติผู้เสียชีวิต
“เรื่องนี้เราต้องติดตามตลอด ไม่ให้เรื่องเงียบอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้น 10 ปีก็จะมีเหตุการณ์ฆ่ากันแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก เราไม่ต้องการอนุสาวรีย์ แต่เราต้องการวัคซีนของสังคมไทยป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นมา แล้วต้องมีใครมาเสียใจอีก การมอบของขวัญให้กับ กสม.นี้ก็เพื่อเตือนใจให้เร่งรัดการทำงาน และหลังจากนี้ก็จะเดินทางไปมอบของขวัญให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการทำงานทั้ง กองทัพบก และกระทรวงกลาโหม”
