นายกฯ สั่ง “ยงยุทธ” กำชับผู้ว่าฯ ดูแลประชาชน 6 จังหวัด หลังเจอคลื่นซัดชายฝั่งอ่าวไทย ส่งผลบ้านเรือนเสียหาย ต้องประกาศภัยพิบัติ ชี้ผู้ว่าฯสามารถใช้งบฉุกเฉินได้ทันที ส่วนเยียวยายึดหลักเกณฑ์เดียวกับอุกทกภัย ปัดไม่รู้บุรีรัมย์จ่ายเงินเยียวยา 5 พันบาทซ้ำซ้อน ชี้ต้องได้สิทธิเดียว ยึดหลักบัตรประชาชน 13 หลัก ไม่ท้อหลังสื่อสภาฯ ตั้งฉายา “กระดองปูแดง” บอกเป็นสีสันการเมือง ยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามที่ประชาชนคาดหวัง ขอบคุณ สตช.สนองนโยบายรัฐบาล ปราบปรามยาเสพติด-ผู้มีอิทธิพล พร้อมย้ำให้ตำรวจดูแลประชาชนและจุดเสี่ยงสำคัญช่วงปีใหม่อย่างเข้มงวด
วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ภัยธรรมชาติในพื้นที่ภาคใต้ว่า ได้สั่งการผ่านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหมาดไทย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ให้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดูแลประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งวันนี้ได้ประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว 6 จังหวัด และโดยหลักการประกาศภัยพิบัติทางผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดสามารถใช้งบทดลองฉุกเฉินของแต่ละจังหวัดดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้ทันที ส่วนการดูแลเยียวยาต่างๆ จะใช้หลักเกณฑ์เหมือนกับประชาชนที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัยธรรมชาติตามกฎเกณฑ์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องมีการปรับหลักเกณฑ์การเยียวยาหรือไม่เพราะลักษณณะของผลกระทบแตกต่างกันกับอุทกภัย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ณ วันนี้ยังบคงใช้ได้อยู่ เพราะการเยียวยา 5 พันบาทนั้นเป็นการเยียวยา 2 กรณี คือ ภัยพิบัติฉับพลัน และน้ำท่วมขังเกิน 7 วัน แต่ในรายละเอียดงบทดรองฉุกเฉินของผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอยู่คงจะเข้าไปดูแลประชาชนได้ จากนั้นต้องติดตามดูแลความเสียหายต่างๆ ซึ่งตนเองได้ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว
เมื่อถามว่า มีจุดไหนต้องอพยพเร่งด่วนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในรายพื้นที่คงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดูแลเรื่องการเตือนภัย ส่วนใหญ่ประชาชนที่อยู่ริมชายหาดก็พอจะทราบเองอยู่บ้าง แต่เราต้องอยู่ในความไม่ประมาท เมื่อถามว่า หลักเกณฑ์การช่วยเหลือต้องขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โดยหลักหากประกาศภัยพิบัติแล้วการดูแลงบฉุกเฉินทำได้เลยภายใต้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด โดยรองนายกรัฐมนตรี เซ็นสั่งการได้ แต่การสำรวจความเสียหายต่างๆ ที่ต้องใช้เม็ดเงินนั้นสามารถสำรวจได้เลย และนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติเม็ดเงิน
เมื่อถามว่า ทางกรมอุตินิยมวิทยาได้รายงานเฝ้าระวังสถานการณ์อะไรเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อเตือนประชาชนในบริเวณจุดเสี่ยง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เท่าที่ทราบวันนี้มีเท่านี้ ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งตนเองจะไปหารือและกำชับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำด้วยส่วนหนึ่งว่าเหตุการณ์เหล่านี้ต้องนำเป็นข้อที่ให้นักวิชาการหรือคณะกรรมการฯ วิเคราะห์เพื่อเติมด้วย เมื่อถามว่า ระบบการเตือนภัยของเรายังทันท่วงทีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในลักษณะการเตือนภัยยังทันท่วงที แต่ยังไม่อยู่ในระดับล่วงหน้า วันนี้เราต้องนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งวันนี้มาจาก 4 หน่วยงานและแต่ละหน่วยงานต้องนำมารวบรวมในคลังข้อมูลให้ชัดเจนอีกครั้งเพื่อความแม่นยำ เมื่อถามว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ภาพรวมได้ในทิศทางเดียวกัน แต่การที่จะมารวมศูนย์เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์และประมวลอย่างแม่นยำและรวดเร็วนั้นยังต้องบูรณาการเพิ่มเติม อย่างในพื้นที่ต่างๆระบบการวัดหรืออะไรต่างๆยังมีความไม่ตรงกันบ้าง คงจะต้องไปแก้ไข
เมื่อถามว่า เรื่องเงินเยียวยาที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งพบว่ามีการจ่ายซ้ำซ้อน โดยทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.ได้ระงับการจ่าย ตรงนี้ได้ตรวจสอบหรือไม่เป็นเพราะอะไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด คงต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกที แต่การซ้ำซ้อนอาจต้องมีแน่นอน เพราะบางทีอาจเกิดจากจังหวัดและในพื้นที่ แต่ในส่วนของเรายึดหลักหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เมื่อพบซ้ำซ้อนคงได้แค่สิทธิเดียว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายาตัวเองเป็น “กระดองปูแดง” ว่าไม่รู้สึกท้อ ถือเป็นสีสันทางการเมือง ผู้สื่อข่าวถามว่า 4 เดือนผ่านไปออกจากกระดองหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ปูก็เป็นปู เราก็ทำงานของเราให้ดีที่สุด เชื่อว่า 4 เดือนที่ผ่านมา 2-3 เดือนแรกอาจมีภารกิจเร่งด่วนเรื่องของน้ำท่วม ดังนั้นการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆอาจทำได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์และเราเองจะพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและทำหน้าที่ให้เต็มที่ตามที่พี่น้องประชาชนคาดหวังและไม่ได้รู้สึกโกรธที่สื่อมวลชนตั้งฉายาแบบนั้น
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ กตช. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดำเนินการปราบปรามผู้อิทธิพล และยาเสพติดอย่างสัมฤทธิผล เพราะเรื่องนี้ถือเป็นนโยบายด่วนของรัฐบาล และนายกฯ ได้เน้นย้ำให้ตำรวจให้ปฏิบัติในจุดสำคัญอย่างเต็มที่ ซึ่งตำรวจคงต้องเสียสละปฏิบัติหน้าที่ในช่วงปีใหม่นี้ รวมทั้งชมเชยหลายโครงการของตำรวจที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาและโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตำรวจ