“สดศรี” แนะก่อนแก้รัฐธรรมนูญตั้ง ส.ส.ร.3 ต้องทำประชามติจะแก้ประเด็นใด หากแก้ก่อน ถามประชาชนทีหลัง เรื่องไม่จบแน่ ติงอย่าเอา 12 ล้านเสียงมาอ้าง เพราะนั่นคือการเลือกตั้ง ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (21 ธ.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยว่า เป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะดำเนินการได้ แต่หากจะแก้จริงก็เห็นด้วยที่จะควรตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ชุดที่ 3 (ส.ส.ร.3) ขึ้นมา เพื่อเป็นการลดกระแสต้านและลดปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เห็นว่าก่อนที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องมีการทำประชามติก่อนว่ามีประเด็นหรือมาตราใดที่ควรแก้ไขเพื่อเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งต้องดำเนินการก่อนที่จะมีการตั้ง ส.ส.ร.ด้วย
“จะประเด็นมาตรา 237 เรื่องของการยุบพรรคนั้นสมควรหรือแก้หรือไม่ ไม่ใช่แก้ไปแล้วค่อยมาทำประชามติตามหลังเหมือนอย่างที่รัฐธรรมนูญปี 50 ที่แก้แล้วไปทำประชามติ เรื่องมันไม่จบ การกล่าวอ้างว่าได้รับการเลือกตั้งมาด้วยเสียงประชาชนจำนวน 12 ล้านเสียงนั้น ไม่ควรเอามาอ้าง เพราะนั้นคือการเลือกตั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคะแนนเสียงที่ได้มาเป็นการเลือกตั้งบุคคล ถือว่าเป็นคนละเรื่อง การทำประชามติว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขมาตราใด จะทำให้ไม่มีปัญหาตามมาที่หลังเหมือนอย่างทุกวันนี้” นางสดศรีกล่าว
เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตเลือกตั้งจากเขตใหญ่ 3 เบอร์มาเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวมาแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้ก็ต้องมีความชัดเจนว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน และประชาชนจะไม่มีการคัดค้าน
เมื่อถามต่อว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้มาตรา 237 ที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมีการพูดกันมากกรณีที่กรรมการบริหารพรรคทุจริตการเลือกตั้งจะต้องส่งผลให้ยุบพรรคหรือไม่ ซึ่ง รธน.ปี 50 ได้วางหลักเกณฑ์ให้กรรมการบริหารพรรครับผิดชอบต่อการกระทำที่เกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งส่วนนี้คงจะต้องมีการพูดคุยกันให้ชัดเจน