"ยิ่งลักษณ์" ปิ๊กบ้านเกิด จ้อสด รายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" กลางตลาดวโรรส กองเชียร์แห่ให้กำลังใจ เชิญชวนเที่ยวงานงานพืชสวนโลก เผยสั่ง "ยงยุทธ" ดูแลเร่งรัดกำหนดแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โวนักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่น ส่วนแผนจัดการน้ำ กยน.จะเห็นภาพใหญ่ ม.ค.55 แน่ ยันเร่งนโยบายประชานิยม "จำนำข้าว-บ้านหลักแรก-พักหนี้เกษตรกร" เตือนปีหน้าเศรษฐกิจยังอ่อนไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (17 ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดสดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน" ที่ตลาดวโรรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นนัดแรก ผ่านสถานีวิทยุ โทรทัศน์ กรมประชาสัมพันธ์ โดยมี นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ดำเนินรายการร่วม และมี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็น ส.ส.เชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมรายการด้วย โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น
โดยในช่วงแรกของรายการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พาคณะเดินชมตลาด และมีการแนะนำสินค้าพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของตลาดและได้พบปะพูดคุยสอบถามทุกข์สุขกับประชาชนในตลาดด้วย พร้อมเชิญชวนเข้าร่วมชมงาน พืชสวนโลก ที่จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวในรายการ ในโอกาสเดินทางกลับบ้านที่ จ.เชียงใหม่ ในครั้งนี้ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดการประชุมวิชาการหม่อนไหมโลก ครั้งที่ 22 เฉลิมพระเกียรติฯ ณ โรงแรมเซ็นทาราดวงตะวัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งรัฐบาลจะน้อมนำกระแสพระราชดำรัส ในการส่งเสริมและสานต่อเกี่ยวกับการสนับสนุนศิลปหัตถกรรม ผ้าไหม และอื่น ๆ อย่างเต็มที่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมายังบ้านเกิด อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่ง และรู้สึกเสียใจ ที่ไม่ได้เดินทางกลับมาขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ เนื่องจาก ติดภารกิจน้ำท่วม ซึ่งในเวลานี้ปัญหาดังกล่าวเริ่มคลี่คลายแล้ว และกำชับให้เจ้าหน้าที่ เร่งดำเนินการแก้ปัญหาให้เสร็จโดยเร็วก่อนปีใหม่ให้ได้ ซึ่งก็เป็นห่วงเรื่องปัญหาขยะ ได้มอบหมายให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาดไทย เป็นผู้ดูแล เร่งรัดในการกำหนดแผนฟื้นฟู ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ
ซึ่งเบื้องต้น จากการหารือกับ นักลงทุน และผู้นำต่างชาติในเวทีต่างๆ ยังเชื่อมั่นที่จะลงทุนในประเทศไทย รวมถึง ได้ศึกษาแนวทางการป้องกันน้ำท่วมระยะยาว ซึ่งจะมีการสำรวจแนวกั้นน้ำตามแนวทางพระราชดำริด้วย
นายกรัฐมนตรี ยอมรับ การทำงานที่ผ่านมา ยังทำได้ไม่เต็มที่ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจาก ต้องแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม แต่บางโครงการที่หาเสียงไว้ เช่น จำนำข้าว , บ้านหลังแรก , รถคันแรก ก็ได้ดำเนินการไปแล้ว และจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึง จะเร่งนโยบายพักหนี้เกษตรกร เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลจากน้ำท่วมต่อไป
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า แผ่นเร่งรัดการจัดการบริหารน้ำของ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)ระยะสั้นดูแลโครงสร้างพื้นฐานให้กลับมาโดยเร็วที่สุด ต้องทำงานแข่งกับเวลาและคิดไว้เผื่อหน้าฝนที่จะมาถึง ตลอดจนน้ำแล้งด้วย พร้อมสำรวจแนวคันกั้นน้ำ โดย กยน.ต้องสร้างแผนมาดูแล ในการจัดการระยะยาว ซึ่งในเดือน ม.ค.จะเห็นแผนใหญ่โดยรวมก่อน เพื่อให้ต่างชาติเชื่อมั่นในการจัดการบริหารน้ำ และเชื่อว่าจีน ญี่ปุ่น ยังมั่นใจอยู่ เพราะเมืองไทยยังมีเสน่ห์ เอกลักษณ์ จิตใจคนไทยที่ต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศ
"อยากเห็นเดือนนี้เป็นเดือนที่ฟื้นฟูเยียวยาน้ำท่วม เพื่อถวายเป็นเดือนที่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บริหารงานมา 4 เดือน ช่วง 3 เดือนแรกเร่งแก้น้ำท่วมความเดือดร้อนของประชาชน และหลังจากนี้จะมีการเร่งนโยบายรับจำนำข้าว มีการประกาศราคาออกมา โครงการบ้านหลังแรก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย โครงการพักหนี้เกษตรกร เร่งรัดให้กระทรวงการคลังดูแลส่วนลดหนี้ให้ประชาชน ส่วนด้านงบประมาณ ดูแลไม่ให้เป็นอุปสสรค อย่างงบประมาณบริหารจัดการน้ำ ตั้งไว้ 1.2 แสนล้านบาท ใช้ได้ 4 หมื่นล้านบาท ลงไปใช้แล้วทั้งการเยียวยาน้ำท่วม จ่ายพืชเกษตรประชาชนเสียหายน้ำท่วม และดูแลถนนที่สัญจรไม่ได้ ส่วนสร้างบรัดเวย์ จะมีเงินจากในและต่างประเทศ ยอมรับว่าการบริหารบริษัทต่างกันกับบริหารประเทศ แต่ที่เหมือนกันคือทำให้คนมีส่วนร่วม บริษัททำงานเป็นทีม ส่วนบริหารประเทศ ต้องมีการวางแผนร่วมกัน และไปดำเนินการ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการประเมินรัฐมนตรีเป็นไปตามหลักการบริหารต้องประเมิน ติดตามงานทุก 3 เดือน 6 เดือน ในภาพรวม และต้องเห็นใจติดเรื่องน้ำท่วม ส่วนตัวนายกฯเองก็ประเมินตัวเองไปด้วย ตามที่นโยบายแถลงไว้ต่อรัฐสภา คนที่ประเมินคือประชาชนมากกว่า
ส่วนอุปสรรคที่ผ่านมา อย่างมองว่าเป็นปัญหา ต้องมองถึงว่าอุปสรรคเป็นทางแก้ปัญหา เพราะประชาชนเลือกมาให้เราแก้ปัญหา และนี่คือหน้าที่ ซึ่งตรงนี้ขอเวลาให้รัฐบาลบ้าง เราจะทำงานให้เต็มที่
สำหรับเรื่องเศรษฐกิจปีหน้าเศรษฐกิจโลกค่อนข้างอ่อนไหว และมีผลกระทบเคลื่อนมาสู่ภูมิภาคเอเซีย ซึ่งไทยก็มีผลกระทบทางอ้อม ตรงนี้คงไปพึ่งต่างประเทศอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสร้างพื้นฐานภายในประเทศให้เข้มแข็ง ช่วยกันต่อยอดโดยการส่งเสริมประสิทธิภาพกำลังการผลิต ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแรง
