กุนซือ กมธ.มั่นคง สภาฯ เผยหลังขึ้นเชียงราย ชี้ 13 ลูกเรือชาวจีนถูกสังหารก่อนเข้าเขตไทย เผย พนง.สอบแจงไม่ชัด แนะหาตัวคนขับเรือให้ได้ ยันชาวบ้านแฉจุดเกิดเหตุมีพวกชุดดำเรียกไถเงินยิง จนท.ไทย แถมยังพบค้ายาล็อตใหญ่ วอนอัยการส่งคนลงพื้นที่ด้วย
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราฎร เปิดเผยถึงผลการลงพื้นที่ที่ จ.เชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีฆาตกรรมลูกเรือสัญชาติจีน จำนวน 13 ศพ บริเวณลุ่มแม่น้ำโขง จ.เชียงราย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นตนได้ตั้งข้อสังเกตส่วนตัวเกี่ยวกับคดีดังกล่าว หลังจากที่ลงพื้นที่และรับฟังข้อมูลจากผู้ทำคดีในพื้นที่ ว่า ทิศทางเรือที่พบศพลูกเรือชาวจีนนั้น ได้แล่นเข้ามาฝั่งไทยในทิศทางที่สวนกระแสน้ำ โดยเดิมได้ล่องมาตามกระแสน้ำ แต่เมื่อครั้งที่พบศพพบว่าหัวเรือได้หันไปยังทิศทางเดิมที่ล่องน้ำมา จึงตั้งข้อสังเกตได้ว่า หลังจากที่ลูกเรือชาวจีนถูกสังหารแล้ว ต้องมีคนขับเรือเพื่อเข้ามาในฝั่งประเทศไทย และจากการรับฟังคำชี้แจงจากผู้สอบสวนคดีในพื้นที่กลับพบว่า ไม่ได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจน ซึ่งที่ประชุม กมธ.เสนอแนะว่า ควรหาตัวผู้ขับเรือให้ได้เพื่อคดีจะคลี่คลาย อีกทั้งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในตอนกลางวัน มีชาวบ้านได้ยินเสียงปืน ดังนั้นคาดว่าจะมีพยานและผู้ที่พบเหตุการณ์ดังกล่าว
“ผู้ที่มาให้ข้อมูลกับ กมธ.นั้น ยังระบุเพิ่มเติมว่าในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หลุมดำ ที่พบการค้าขายยาเสพติดล็อตใหญ่ อีกทั้งยังมีกลุ่มผู้มีอิทธิพล อยู่นอกกฎหมาย ที่เรียกกันในพื้นที่ว่า เป็นกลุ่มคนชุดดำ ที่คอยเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งกลุ่มคนชุดดำดังกล่าวนั้นเคยมีประวัติยิงลูกเรือชาวจีน และเจ้าหน้าที่รัฐของไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่สามารถตามจับตัวได้ ซึ่งผมเห็นว่าควรตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัยที่มาจากประเทศที่ใช้ทรัพยากรในพื้นที่ร่วมกัน เพื่อสร้างความปลอดภัย ป้องกันกลุ่มคนชุดดำ และร่วมสกัดยาเสพติด” นายเจะอามิง กล่าว
นายเจะอามิง กล่าวอีกว่า สำหรับการทำคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้รับผิดชอบคดีได้ดำเนินการ ที่ล่าสุดนั้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการแทน เพราะอัยการสูงสุดมีปัญหาเรื่องกำลังคน และคดียังไม่คืบหน้า ซึ่งตนมีความกังวลเรื่องอิทธิพล ดังนั้น ขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุด ส่งคนของสำนักงานลงพื้นที่แม้จะมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ผลการลงพื้นที่ทั้งหมด ทาง กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ จะนำมาหารือกันอีกครั้งในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.)