“เครือข่ายเพื่อน กสม.” ออกแถลงการณ์ ระบุกรรมการสิทธิฯ ชุดปัจจุบันเจอปัญหารุมเร้าทั้งจากภายนอกภายใน เรียกร้องนักการเมืองอย่าพยายามครอบงำ แทรกแซง ส่วนคณะกรรมการ กสม.อย่าเล่นการเมืองสกปรกกันภายใน ละเมิดสิทธิกันเอง ประกาศตั้งขบวนการคู่ขนานภาคประชาชนติดตามตรวจสอบ ถามกรณีย้าย “หมอชูชัย” เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ กลุ่มบุคคลในนามเครือข่ายเพื่อน กสม.ได้เปิดแถลงข่าวพร้อมอ่านแถลงการณ์เรื่อง โปรดหยุดทำลายสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยได้ระบุถึงความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินงานของ กสม.ชุดปัจจุบัน ทั้งในทางจริยธรรม และอาจรวมถึงในทางข้อกฎหมาย เช่น ปัญหาเชิงชู้สาวหรือคุกคามทางเพศ มีการไปดักนั่งเฝ้าข้าราชการผู้หญิงที่โต๊ะทำงาน หรือโทร.ไปหายามวิกาล โดยการพยายามเกี้ยวพาราสี ปัญหาเด็กฝาก เด็กเส้น ปัญหาของกรรมการสิทธิฯ ที่ยังคงเกี่ยวข้อกับธุรกิจที่ละเมิดสิทธิชุมชน เป็นต้น
แถลงการณ์ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กร กสม.ดังกล่าว เป็นที่แน่ชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาการคุกคามจากอำนาจภายนอก คือ อำนาจการเมือง และบริวารนักการเมืองที่กำลังมุ่งหมายเข้าครอบงำและทำลายองค์กรอิสระต่างๆ เพราะถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน เนื่องจากเป็นองค์กรที่ควบคุมสั่งการตามอำเภอใจไม่ได้ ลักษณะการคุกคาม มีทั้งการใช้อำนาจมืดเข้าคุกคามตัวบุคคล การใช้อำนาจการเมืองพยายามบ่อนทำลาย การพยายามส่งคนของตนเข้าสู่องค์กร การล่อด้วยเงินและอำนาจไปยังบุคคลบางคนในองค์กรที่มีจริตอำนาจนิยมเช่นเดียวกับพวกตน
เครือข่ายเพื่อน กสม.มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อสรุปได้ว่า 1.ข้อเรียกร้องต่อฝ่ายการเมืองให้หยุดการกระทำอันผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ คือการพยายามคุกคามแทรกแซง กสม.และองค์กรอิสระอื่นๆ 2.ข้อเรียกร้องเป็นรายบุคคลต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนโปรดอย่าเล่นการเมืองสกปรกภายในองค์กร อย่ามีพฤติกรรมละเมิดสิทธิกันเอง อย่ายัดบริวารส่วนตนเข้าสู่ตำแหน่งในองค์กร อย่าคุกคามทางเพศ อย่าลักลอบรับเงินจากฝ่ายการเมือง 3.ข้อเรียกร้องต่อ กสม.ในฐานะคณะบุคคล ขอให้บริหาร กสม.อย่างมีธรรมาภิบาล ยึดมั่นในจริยธรรมและข้อกฎหมาย ไม่ใช้อำนาจอย่างอธรรม การให้คุณให้โทษแก่บุคลากรขององค์กรที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในปัจจุบัน ต้องเป็นไปตามแนวทางดังกล่าวอย่างแท้จริง
4.ข้อเรียกร้องต่อบุคลากรและข้าราชการของ กสม. ให้ยืนหยัดอยู่ในความถูกต้อง อย่าก้มหัวให้กับความอธรรมใดๆ และ 5.ข้อเรียกร้องต่อพี่น้องพลเมืองไทย ให้ร่วมกันจับตามององค์กร กสม. และร่วมกันสร้างกระบวนการคู่ขนานเพื่อให้องค์กรแห่งนี้สะอาดโปร่งใสจากภายใน และปลอดภัยจากการคุกคามของฝ่ายการเมือง เป็นองค์กรที่สามารถปกป้องสิทธิมนุษยชนได้อย่างแท้จริง
นายตรีพิพัฒน์ บัวเนี่ยว กล่าวในนามเครือข่ายเพื่อน กสม.หลังการแถลงข่าวว่า เครือข่ายฯ ทำการแถลงข่าวเพื่อแสดงจุดยืนในการปกป้ององค์กรตามรัฐธรรมนูญให้มีความโปร่งใส อีกทั้งถือเป็นการเปิดฉากเริ่มต้นในการตรวจสอบองค์กรอิสระอย่าง กสม.ในฐานะของประชาชนซึ่งได้เคยพึงพาอาศัยเพื่อเรียกร้องสิทธิในการอยู่อาศัย การทำกิน รวมไปถึงการจัดการทรัพยากรในชุมชน
นายตรีพิพัฒน์กล่าวถึงกรณีที่ กสม.มีมติย้าย นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการ กสม.ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 ของสำนักงาน กสม.ว่า เป็นไปตามข้อเรียกร้องในแถลงการณ์ข้อที่ 3 ซึ่งระบุว่าการให้คุณให้โทษแก่บุคลากรขององค์กรที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในปัจจุบัน เป็นไปตามแนวทางการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล ยึดมั่นในจริยธรรมและข้อกฎหมาย ไม่ใช้อำนาจอย่างอธรรมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายไม่ต้องการมุ่งเน้นหรือระบุไปถึงตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ต้องการให้เกิดการตรวจสอบการทำงานขององค์กรสิทธิ์อย่างแท้จริง ซึ่งในกรณีดังกล่าวก็ควรมีการชี้แจงข้อมูลต่อสาธารณะให้รับทราบ
รายละเอียดแถลงการณ์ กลุ่มเพื่อน กสม. เรื่อง โปรดหยุดทำลายสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
“สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ก่อตั้งขึ้นตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อทำหน้าที่ปกป้องสิทธิมนุษยชนของพลเมืองไทย จึงเป็นองค์กรอิสระที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อชาติบ้านเมือง และถือเป็นองค์กรที่ประชาชนต้องแสดงความเป็นเจ้าของ หากองค์กรแห่งนี้อ่อนแอลง ไม่ว่าจะมาจากปัญหาการคุกคามภายนอก เช่น การแทรกแซงจากอำนาจการเมือง หรือปัญหาภายใน เช่น การเมืองและการขาดธรรมาภิบาลในองค์กรก็ตาม
เป้าหมายของแถลงการณ์ครั้งนี้ จึงเป็นการยืนยันสิทธิและหน้าที่ของประชาชนพลเมือง ที่จะต้องร่วมกันตรวจสอบและปกป้องรักษาสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างอิสระ มีคุณภาพ มีจริยธรรมในทางการบริหาร มีธรรมาธิปไตยในองค์กร เพื่อทำหน้าที่ปกป้องสิทธิมนุษยชนไทยต่อไป
นับตั้งแต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ชุดปัจจุบัน (พ.ศ. 2552-2558) เข้าดำรงตำแหน่งและปฏิบัติงานมา ได้เกิดสิ่งที่ทำให้องค์กรอ่อนแอลง และอาจหมดสภาพที่จะปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนไทย เพราะแม้แต่กรรมการเองสิทธิฯ เองบางส่วน ก็ดูเหมือนจะไม่เคารพสิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ ได้มีข่าวถึงความไม่ชอบมาพากลทั้งในทางจริยธรรม และอาจรวมถึงในทางข้อกฎหมาย แพร่งพรายสู่สาธารณะเป็นระยะๆ เช่น ปัญหาเชิงชู้สาวหรือคุกคามทางเพศ มีการไปดักนั่งเฝ้าข้าราชการผู้หญิงที่โต๊ะทำงาน หรือโทร.ไปหายามวิกาล โดยการพยายามเกี้ยวพาราสี ปัญหาการนำลูกหลานบริวารเข้าสู่ตำแหน่งงานในองค์กรโดยขาดหลักธรรมาภิบาล (ฝากฝัง/เด็กเส้น) ปัญหาของกรรมการสิทธิฯ ที่ยังคงเกี่ยวข้อกับธุรกิจที่ละเมิดสิทธิชุมชน ปัญหาการเอาคนที่มีประวัติการละเมิดสิทธิมาตรวจสอบการละเมิดสิทธิ ปัญหาทำลายคนดี-ความดีที่ไม่ตอบสนองความต้องการของตน
ปัญหาการเมืองในองค์กร การกลั่นแกล้ง การเบียดเบียนเอาชนะกันภายใน มีความรุนแรงและต่อเนื่อง แม้ว่าปัญหาดังที่กล่าวมาทั้งหมด จะยังไม่มีกระบวนการพิสูจน์ทราบจนเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะก็ตาม แต่สะท้อนให้เห็นว่า กสม.อยู่ในสภาพเจ็บป่วยจากปัญหาภายใน
ปัญหาความขัดแย้งภายในองค์กร กสม.ดังกล่าว ยังเป็นที่แน่ชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์โดยตรงกับปัญหาการคุกคามจากอำนาจภายนอก คืออำนาจการเมืองและบริวารนักการเมือง ที่กำลังมุ่งหมายเข้าครอบงำและทำลายองค์กรอิสระต่างๆ เพราะถือว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน เนื่องจากเป็นองค์กรที่ควบคุมสั่งการตามอำเภอใจไม่ได้ ลักษณะการคุกคาม มีทั้งการใช้อำนาจมืดเข้าคุกคามตัวบุคคล การใช้อำนาจการเมืองพยายามบ่อนทำลาย การพยายามส่งคนของตนเข้าสู่องค์กร การล่อด้วยเงินและอำนาจไปยังบุคคลบางคนในองค์กรที่มีจริตอำนาจนิยมเช่นเดียวกับพวกตน
ข่าวคราวดังกล่าว ทำให้เครือข่ายประชาชนทั่วประเทศ ที่หวังจะให้ กสม.เป็นองค์กรหลักในการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนของประชาชน มีความเป็นกลางและกล้าหาญทางจริยธรรม วิตกอย่างยิ่ง ว่า กสม.กำลังตกต่ำเสื่อมถอย และจะถูกอำนาจการเมืองครอบงำได้เบ็ดเสร็จในที่สุด จึงได้ร่วมกันในนามเครือข่ายเพื่อน กสม. และขอประกาศให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทุกท่านทราบว่า การกระทำใดๆ ของท่านนั้น อยู่ในการจับตามองของประชาชน และจะจับตามองมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความไม่ชอบมาพากลใน กสม.มีแนวโน้มรุนแรงยิ่งขึ้นทุกที และนับจากนี้ไป จะเร่งสร้างกระบวนการภาคพลเมืองเพื่อทำงานคู่ขนานไปกับ กสม.
เครือข่ายเพื่อน กสม.มีข้อเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
1.ข้อเรียกร้องต่อฝ่ายการเมือง โปรดหยุดการกระทำอันผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ที่กำลังทำอยู่คือการพยายามคุกคามแทรกแซง กสม.และองค์กรอิสระอื่นๆ ประชาชนพลเมืองไทยจะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้ององค์กรอิสระให้ปลอดภัยจากอำนาจการเมืองอย่างถึงที่สุด
2.ข้อเรียกร้องเป็นรายบุคคลต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนโปรดอย่าเล่นการเมืองสกปรกภายในองค์กร อย่ามีพฤติกรรมละเมิดสิทธิกันเอง อย่ายัดบริวารส่วนตนเข้าสู่ตำแหน่งในองค์กร อย่าคุกคามทางเพศ อย่าลักลอบรับเงินจากฝ่ายการเมือง และอย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้ว่าท่านทำอะไรอยู่
3.ข้อเรียกร้องต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะคณะบุคคล ขอให้บริหาร กสม.อย่างมีธรรมาภิบาล ยึดมั่นในจริยธรรมและข้อกฎหมาย ไม่ใช้อำนาจอย่างอธรรม โดยขอให้แสดงให้เป็นที่ประจักษ์ในทันทีว่า การให้คุณให้โทษแก่บุคลากรขององค์กร ที่เป็นข่าวครึกโครมอยู่ในปัจจุบัน เป็นไปตามแนวทางดังกล่าวอย่างแท้จริง
4.ข้อเรียกร้องต่อบุคลากรและข้าราชการของ กสม. ขอให้ท่านยืนหยัดอยู่ในความถูกต้อง อย่าก้มหัวให้กับความอธรรมใดๆ เครือข่ายเพื่อน กสม.จะตรวจสอบท่าน แต่ก็จะเคียงข้างกับท่านในการรักษาองค์กรแห่งนี้เอาไว้
5.ข้อเรียกร้องต่อพี่น้องพลเมืองไทย ให้ร่วมกันจับตามององค์กร สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และร่วมกันสร้างกระบวนการคู่ขนาน เพื่อให้องค์กรแห่งนี้สะอาดโปร่งใสจากภายใน และปลอดภัยจากการคุกคามของฝ่ายการเมือง เป็นองค์กรที่สามารถปกป้องสิทธิมนุษยชนได้อย่างแท้จริง
เครือข่ายเพื่อน กสม.
10 ธันวาคม พ.ศ. 2554”