คนเสื้อแดงชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เรียกร้องไม่เอารัฐธรรมนูญปี 50 - ขอให้ยกเลิกมาตรา 112 ไร้เงาแกนนำคนสำคัญโผล่ร่วม “ไอ้ตู่” อ้างติดภารกิจ แต่ดันควง “ไอ้เต้น” ไปออกรายการทางช่องเอเชียอัพเดท
วันนี้ (10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เนื่องในโอกาสวันรัฐธรรมนูญว่า เมื่อเวลา 19.00 น. กลุ่มมวลชนเสื้อแดงได้จุดเทียนสีแดงรำลึกเหตุการณ์สูญเสียแนวร่วมฯ วันที่ 10 เมย.53 จากนั้นจะมีการปราศรัยจากนักวิชาการและแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่ยืนยันไม่เอารัฐธรรมนูญ ปี 2550 และขอให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่นสถาบันฯ มาตรา 112 ทั้งนี้ในวันนี้ไม่มีแกนนำ นปช.คนสำคัญที่เดินทางมาร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า การชุมนุมกิจกรรมรำลึกวันรัฐธรรมนูญ และรำลึกการสูญเสียแนวร่วมกลุ่ม นปช.ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันนี้ตนไม่สามารถเดินทางไปร่วมได้เนื่องจากติดภารกิจสำคัญ โดยได้มอบหมายให้ นายสมหวัง อัสราษี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ และแนวร่วมกลุ่ม นปช.ไปร่วมงานแทน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายจตุพรพร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ปรากฏตัวในการจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท
ขณะที่ นายสมหวัง อัสราษี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำกลุ่ม นปช. ระบุว่า การเดินทางมาร่วมชุมนุมในวันนี้มาเพื่อให้กำลังใจกับภาคประชาชนที่มาแสดงออกและเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ใหม่ รวมไปถึงการที่ภาคประชาชนต้องการจะให้มีการปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเพราะคดีการเมืองออกมาด้วย ซึ่งแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาล นายสมหวังคาดว่าจะมีการเริ่มดำเนินการในปีหน้า
ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. ที่เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน แล้วระบุว่าเป็นการขอคืนพื้นที่ดังกล่าวเพื่อขอคืนพื้นผิวการจราจรเท่านั้น ไม่ได้สั่งฆ่าประชาชน นายสมหวัง กล่าวว่า ถ้านายสุเทพ สั่งขอคืนผิวการจราจรเท่านั้นเหตุใดจึงมีผู้เสียชีวิต ถึงอย่างไรในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. และนายกรัฐมนตรีที่จัดตั้ง ศอฉ.ต้องรับผิดชอบ และไม่สามารปฏิเสธได้ และคดีนี้ต้องเป็นคดีประวัติศาสตร์ ว่าผู้สั่งการต้องได้รับโทษซึ่งหากพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่าทั้งสองไม่มีความผิด ทางกลุ่ม นปช.จะออกมาเคลื่อนไหว