xs
xsm
sm
md
lg

“ธงทอง” ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!? หรือต่อมจงรักภักดีหยุดทำงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธงทอง จันทรางศุ
ชื่อของธงทอง จันทรางศุ กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมไทยอีกครั้ง เมื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ศปภ.ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการสื่อสารกับประชาชนในภาวะวิกฤตน้ำ

จึงมีการไปขุด “ธงทอง” ออกมา หวังจะให้ช่วยกอบกู้ความล้มละลายทางความน่าเชื่อถือกลับคืนมา

แต่การทำหน้าที่ของธงทองก็มิได้ช่วยให้ภาพลักษณ์ของยิ่งลักษณ์ และ ศปภ.ดีขึ้น เพราะสภาพของ ศปภ.ก็เข้าทำนอง “ปูเน่า” เอามาฉีดฟอร์มาลินภายหลังก็ยังกลบกลิ่นเหม็นไม่มิด

รัฐบาลจึงไม่ได้แต้มเพิ่มจากการเลือกใช้ “ธงทอง”

แต่คนประเภทเนติบริกรอย่าง “ธงทอง” ต่างหากที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ จากการออกโรงยอมถูกตราหน้าเป็นทาสรับใช้ยิ่งลักษณ์และศปภ. โดยไม่มีความละอายใจใดๆ

เพราะตำแหน่ง “ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี” ที่ได้รับตอบแทนนั้น มันคุ้มค่าในสายตาของ “ธงทอง” มากกว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสียอีก

เส้นทางการเติบโตในสายงานราชการของ “ธงทอง” ได้ดิบได้ดีในยุคทักษิณ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งเมือง และกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งก็ในยุคที่ยิ่งลักษณ์ น้องสาวทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี

ลำพังจะเชลียร์ใครจนน้ำลายหมดปากก็ไม่มีใครเขาให้ค่าใส่ใจให้เปลืองอารมณ์ ถ้าหากข้าราชการคนนั้นจะไม่ทำตัววางบทบาทตนเองราวกับว่าเป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีความจงรักภักดีอย่างเหลือแสน

มีความพยายามอิงแอบกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง วางบทบาทให้สังคมเข้าใจว่า เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยิ่งยวด เพียงเพราะดำรงตนเป็นพิธีกรบรรยายงานพระราชพิธี!

แค่นี้ก็บังอาจเรียกตัวเองว่าเป็นข้ารองพระบาท ทั้งๆ ที่ “ธงทอง” ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในยามที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มีคนบางกลุ่มคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดแจ้ง

ที่สำคัญคือ คนเหล่านั้นก็อยู่ในเครือข่ายของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ “ธงทอง” หมอบราบคาบแก้วกราบกรานรับใช้จนได้ดิบได้ดีนั่นแหละ 7 ธันวาคม 2554 คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในการประชุมครั้งที่ 18/2554 มีมติแต่งตั้งธงทอง จันทรางศุ เป็นกรรมการ อสมท แทน นายธนวัฒน์ วันสม

ตำแหน่งที่ได้รบการประเคนให้เหล่านี้ใช่ไหม ที่ปิดปาก “ธงทอง” ได้สนิท ไม่มีการออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่กำลังถูกท้าทายแม้สักแอะ

“ธงทอง” ไม่ตระหนกตกใจบ้างหรือว่า จู่ๆ เฟซบุ๊กยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงผิดรัชกาลขึ้นบนหน้าเพจ!

“ธงทอง” ไม่มีคำถามในใจบ้างหรือว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องบังควรหรือไม่? และความรับผิดชอบจากคนเป็นผู้นำประเทศควรจะต้องทำอย่างไร? นอกเหนือจากการทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษให้เรื่องจบง่ายๆ โดยที่ยังไม่เห็นคนเป็นผู้นำประเทศแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ยังไม่นับรวมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ความผิดพลาด ความเผลอเรอ แต่อาจเป็นความจงใจที่จะท้าทายในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสร้างกระแสบางอย่างไปสู่เป้าหมายอุบาทว์

“ธงทอง” ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะรับใช้ผู้นำที่ให้คุณได้แต่ตำแหน่ง แต่ให้ความกระจ่างต่อสาธารณะไม่ได้ถึงเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติบ้างหรือ

ตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งได้มา น่าจะทำให้ “ธงทอง” มีบทบาทไม่น้อยต่อการตัดสินใจในเชิงนโยบายเกี่ยวกับงบประมาณจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่พระชนมายุครบ 84 พรรษา ด้วยการปรับลดวันแสดงแสงสีเสียงสื่อผสม และการฉายภาพยนตร์พาโนรามาบริเวณรั้วพระบรมมหาราชวังอย่างกะทันหัน ที่กระทบจิตใจคนไทยทั้งชาติ

เป็นได้หรือว่า “ธงทอง” ซึ่งเป็นถึงปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้ หรือว่า “ธงทอง” อยู่ในข่ายสมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลเพื่อสกัดไม่ให้ประชาชนได้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่มีต่อปวงชนชาวไทย

จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามรัฐบาลและ “ธงทอง” ต้องให้คำตอบกับสังคม มิใช่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปกับสายลม

หากยังจำกันได้ “ธงทอง” เมื่อครั้งที่เป็น กรรมการ อสมท และตอนนี้ได้กลับไปเป็นใหญ่ในบ้านเก่าอีกครั้ง เคยไล่บี้เอาเป็นเอาตายกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ด้วยการถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกจากผังรายการของ อสมท

ในแถลงการณ์ของ อสมท ขณะนั้นได้อ้างอิงราชเลขาธิการ และเลขานุการคณะองคมนตรี อย่างคลุมเครือและกำกวม ขณะที่ “ธงทอง” ใช้ภาพลักษณ์ในอดีตที่เสมือนใกล้ชิดสถาบันกษัตริย์และมีความรู้ในเรื่องขนบประเพณีในราชสำนักตลอดจนพระราชพิธีต่างๆ ออกมาอรรถาธิบายหลักการของการใช้พระราชอำนาจ และให้ร้ายป้ายสีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างคลุมเครือและกำกวมว่า พูดเท็จเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่บอกว่าเท็จตรงไหน อย่างไร และความจริงคืออะไร

“ธงทอง” เริ่มคำพูดผ่านลิ้นมีแฉกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยวาทกรรมที่น่าซาบซึ้งว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์”

ขอถามกลับไปยัง “ธงทอง” ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับสถาบันพระมหากษัตริย์จากพฤติกรรมมิบังควรของรัฐบาลชุดนี้ ตั้งแต่พยายามกดดันพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ การอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ผิดรัชกาล มาจนถึงการตัดกิจกรรมสำคัญในการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากงานมหามงคล “เป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” แล้วหรือ?

เหตุใด ธงทองไม่ย้ายพุงออกมาจีบปากจีบคอ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์บ้างเล่า

หรือต่อมจงรักภักดีหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ เพราะอยู่ในโหมดรับใช้เพื่อตำแหน่ง!

ถ้ามีความจงรักภักดีแต่ปาก ก็จงหุบปากและหยุดการแสวงหาประโยชน์จากการแอบอ้างเสมือนเป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดสถาบันเสียที

“เมื่อใดก็ตามที่ผู้นำไร้คุณธรรม เมื่อนั้นประชาชนจะถวิลหาพระเจ้าอยู่หัว”

คำกล่าวของ สนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2548 จะกลับมาก้องหูคนไทยอีกครั้ง

ไม่ว่าไอ้อีหน้าไหนก็อย่าหวังทำลายองค์พ่อหลวง เพราะคนไทยจะแสดงออกให้เห็นว่า

“พวกกูไม่ยอมให้พวกมึงเหยียบย่ำหัวใจคนไทย จำใส่หัวสมองกลวงๆ เอาไว้ด้วย”
กำลังโหลดความคิดเห็น