ชาวบ้านรามอินทรา 40 เขตบึงกุ่ม ร้องมีตัวแทนนักการเมืองในพื้นที่ ชักชวนให้ยื่นเรื่องรับเงินชดเชยน้ำท่วม 5 พันจากรัฐบาล ทั้งที่ในหมู่บ้านน้ำไม่ท่วม อ้างว่า งบประมาณออกมาแล้ว หากไม่ยื่นเรื่องจะเสียสิทธิ์ หนำซ้ำนักการเมืองคนนั้นจะไปดำเนินการให้ หวั่นอาศัยมาตรการช่วยเหลือของรัฐหาเสียงให้ตัวเอง
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Savethai2011.com ของชมรมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลข่าวสารสถานการณ์น้ำท่วมจากเว็บข่าวออนไลน์ทุกสำนัก พร้อมนำเสนอข่าวสารและรายงานพิเศษจากกองบรรณาธิการร่วมสู้วิกฤตน้ำท่วม รายงานว่า ได้รับการร้องเรียนว่าในพื้นที่เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ มีตัวแทนนักการเมืองในพื้นที่ชักชวนให้ชาวบ้านกรอกเอกสารรับเงินค่าชดเชยผู้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2554 ครัวเรือนละ 5,000 บาท ทั้งที่ในความเป็นจริงบางพื้นที่ไม่มีน้ำท่วมแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณเพื่อจ่ายค่าชดเชยแก่ครัวเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณมหาศาล
ชาวบ้านในซอยรามอินทรา 40 (ถนนนวลจันทร์) แยก 8 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ซึ่งขอไม่เปิดเผยนาม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สภาพในหมู่บ้านของตนเป็นพื้นที่คล้ายไข่แดง คือไม่มีน้ำท่วมขัง ขณะที่ชุมชนอื่นๆ มีน้ำท่วมล้อมรอบ แต่พบว่าเมื่อวันก่อนมีหัวคะแนนนักการเมืองในหมู่บ้านรายหนึ่งชักชวนชาวบ้าน ให้กรอกเอกสารเพื่อรับเงินค่าชดเชยครัวเรือนละ 5 พันบาท แล้วจะมีนักการเมืองในพื้นที่ไปดำเนินการให้ โดยกล่าวว่างบประมาณออกมาแล้ว หากไม่ได้ยื่นเรื่องอาจเสียสิทธิ์เปล่าๆ และจะมีคนอื่นมาใช้สิทธิ์แทน
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาชาวบ้านในหมู่บ้านได้ระดมเงินซื้อเครื่องสูบน้ำ และทำแนวป้องกันน้ำท่วม แต่ตัวแทนนักการเมืองคนดังกล่าวไม่เคยเข้ามาช่วย แต่พอน้ำลด ตัวแทนนักการเมืองคนดังกล่าวกลับเสนอให้ชาวบ้านในหมู่บ้านกรอกเอกสาร นอกจากนี้ หมู่บ้านศุภาลัยซึ่งอยู่ใกล้เคียงและไม่มีน้ำท่วมเช่นกัน ได้มีการระดมเงินตามบ้านเพื่อซื้อเครื่องสูบน้ำ ซึ่งได้เงินอย่างน้อยหลังละ 5 พันบาท แต่หลังจากนั้นกลับมีการกรอกเอกสารเพื่อรับเงินค่าชดเชยครัวเรือนละ 5 พันบาทเช่นกัน ทั้งๆ เป็นหมู่บ้านที่มีผู้พักอาศัยอยู่ในฐานะดีกว่า และไม่มีน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านคนดังกล่าว เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะในขณะที่ชาวบ้านอีกหลายจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมยาวนาน สมควรที่จะได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลมากกว่าบ้านที่น้ำไม่ท่วมก็ไม่ควรจะมาเอาเปรียบ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของชาวบ้านแต่ละคน ขณะเดียวกัน พฤติกรรมของนักการเมืองคนดังกล่าว ที่เกณฑ์ชาวบ้านยื่นเรื่องขอรับเงินค่าชดเชย เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะเป็นการอาศัยมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง และเห็นว่าเป็นการซื้อเสียงทางอ้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาค่าชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2554 ได้แก่ น้ำท่วมถึงบ้านพักอาศัยโดยฉับพลัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย, บ้านพักอาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันไม่น้อยกว่า 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย และบ้านพักอาศัยได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลลาก และดินโคลนถล่ม ซึ่งทั้ง 3 กรณี ต้องอยู่ในเขตพื้นที่ประกาศภัยพิบัติเท่านั้น
