นายกฯ อาการป่วยกำเริบ หน้าซีดคลื่นไส้ กลับบ้านพักหลังมีอาการ พร้อมยกเลิกภารกิจที่ทำเนียบในช่วงเย็น หลังลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนย่านปากเกร็ด บอกพยายามแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างดีสุด ชี้อย่างน้อยสุดประชาชนกลับเข้าบ้านได้ช่วงปีใหม่ พร้อมยอมรับที่ผ่านมาแก้ปัญหาไม่ตรงหลายจุด
วันนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ลานพระราชวังดุสิต หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ 5 ธันวาฯ รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล โดยมีคณะรัฐมนตรี ร่วมมอบสิ่งของยานพาหนะ และเงินในการดำเนินโครงการอันเป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 7 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554
นายกรัฐมนตรีกล่าวสรุปความสำคัญของโครงการตอนหนึ่งว่า เพื่อความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเสียสละ เหน็ดเหนื่อยพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรชาวไทย โดยจะร่วมกันแสดงออกในความรักความสามัคคีของประชาชนในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมทำความสะอาด และซ่อมแซมสิ่งของต่างๆ พร้อมกันทั้วประเทศตั้งแต่วันที่ 1-4 ธันวาคมนี้ โดยเฉพาะพื้นที่น้ำลด 22 เขต กทม. และอีก 3 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม ร่วมกันเร่งสูบน้ำ บำบัดน้ำเสีย กำจัดขยะและยุง รวมทั้งแก้ปัญหาการคมนาคมสัญจรเพื่อฟื้นฟูสภาพบ้านเมือง
โดยนายกฯ ได้กล่าวสรุปความสำคัญของโครงการในพิธีเปิดโครงการรวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล เพื่อฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่ารัฐบาลความต้องการอย่างมากที่จะเร่งระบายน้ำโดยเร็วที่สุดเนื่องจากทราบดีว่าประชาชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขังกว่า 3 เดือน ทั้งนี้ได้เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เชื่อว่าไม่เกิน4-5วันน้ำจะแห้งลงอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งสำรวจบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายเพื่อเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นครัวเรือนละ 5 พันบาท และสำรวจบ้านเรือนเสียหายจ่ายสูงสุดหลังละ 3 หมื่นบาทรวมทั้งการช่วยเหลือเยียวยาจากทุกหน่วยงานด้วย จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมการระบายน้ำ การทำโรงครัวรัฐบาล และเยี่ยมพื้นที่น้ำท่วมด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และรับฟังรายงานสรุปการแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่
โดยนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ระบุว่า จะเร่งฟื้นฟูเยียวยาในพื้นที่ทั้งการเร่งสูบน้ำ บำบัดน้ำเสีย กำจัดยุง และขยะ โดยมีอาสาสมัครจำนวน 2 หมื่นคนช่วยกันเก็บกวาดขยะ และทำความสะอาดถนนและจะเร่งรัดเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัย 5000 บาท
ด้านนายกรัฐมนตรีคาดว่า หลังจากมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเชื่อว่า จะใช้เวลา 4-5 วันน้ำจะแห้งงและให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งสำรวจความเสียหายแต่ละพื้นที่เพื่อให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ ซึ่งบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมขังเกิน 7 วันจะได้เงินเยียวยาครอบครัวละ 5,000 บาทแต่ยังไม่รวมเงินซ่อมแซมบ้านเรือนสูงสุดไม่เกิน 3 หมื่นบาท และจะดูแลค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ยังชีพ การซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งสถาบันการเงินที่รัฐบาลขอความร่วมมือด้านสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้ง ว่าพยายามแก้ไขให้ดีที่สุด ส่วนน้ำท่วมสูงในพื้นที่ต่างๆ จะติดเครื่องระบายน้ำ และเร่งสูบ อย่างน้อยให้ถือโอกาสในช่วงปีใหม่ประชาชนจะได้เข้าบ้านได้ และจะฟื้นฟูต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียอมรับว่าการแก้ปัญหาอาจไม่ตรงใจในหลายจุด แต่จะแก้อย่างเต็มที่ เพราะการทำงานบางอย่างอาจไม่ถูกใจทุกคน แต่พยายามประนีประนอม ขณะที่ปฎิเสธแสดงความคิดเห็นกรณีความขัดแย้งของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ปากเกร็ด นายกฯ และคณะได้เดินทางไปรับประทานอาหารร้านไก่ทอง ย่านเมืองทองธานี นั่งได้ประมาณ 10 นาที ปรากฏว่านายกฯ มีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย จึงได้ขอตัวกลับไปพักบ้านที่บ้าน โดยยกเลิกภารกิจที่ทำเนียบในช่วงเย็นเปลี่ยนไปเป็นที่โรงแรมเอสซีปาร์ค ทั้งนี้อาจเป็นเพราะนายกฯ เพิ่งฟื้นจากอาการป่วยเพราะอาหารเป็นพิษ และยังต้องกินน้ำเกลือ และอาหารอ่อน ขณะที่นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่อำเภอปากเกร็ด ซึ่งแดดแรงมาก และนายกฯ ต้องขึ้นรถสองแถวไปตรวจเครื่องสูบน้ำ ทำให้นายกฯ มีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด