ศปภ.โยน กทม.ตัดสินใจปัญหาประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ หลังแกนนำแก๊งเสื้อแดงพาชาวบ้านเปิดประตูระบายน้ำ 1.50 เมตร ทำให้ประชาชนที่อยู่ด้านใต้ไม่พอใจ ส่วนชาวฝั่งธนฯ ให้ทำใจน้ำอาจท่วมขังยาวนานถึงสิ้นปี
น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในฐานะคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนนอกประตูระบายน้ำนำโดย พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ตำแหน่งข้าราชการทางการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง พาม็อบบุกเข้าเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ 1.50 เมตร ขณะที่ชาวชุมชนใต้ประตูระบายน้ำแสดงความไม่าพอใจกลัวน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจนอาจเกิดความวุ่นวายว่า ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านแล้ว แต่เป็นหน้าที่ของ กทม.ที่จะต้องไปเจรจา เพราะเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ กทม.เอง ขณะนี้ทางตำรวจเองก็ได้มีการพูดคุยกันกับชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม ทาง ศปภ.ไม่ได้มีความนิ่งนอนใจที่จะแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด เพราะเตรียมการที่จะประชุมกันในเวลา 14.00 น. ได้เชิญ กทม.เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือการบริหารจัดการน้ำตามแนวคันกั้นน้ำในภาพรวม รวมถึงการฟื้นฟูในพื้นที่หลังน้ำลด ซึ่งบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตเราต้องการให้การจราจรกลับมาเป็นปกติภายใน 7 วัน โดยต้องรอให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศปภ.ได้ประชุมกับคณะรัฐมนตรีในช่วงเช้าให้เสร็จเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเปิดประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ กทม.จะได้รับผลกระทบหรือไม่ น.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า อาจจะไม่มีปัญหากับ กทม.มาก แต่จะมีผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงได้ เช่น ซอยวัชรพล กับถนนสุขาภิบาล 5 เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวก็ประสบปัญหาน้ำท่วมขังอยู่แล้ว ส่วนแนวกั้นหรือบิ๊กแบ็กนั้น หากพื้นที่ไหนสามารถรื้อได้ก็จะรีบทำการรื้อทันทีเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง โดยขณะนี้ได้ทำการรื้อไปบ้างแล้วกว่า 140 ใบที่บริเวณย่านดอนเมืองวานนี้
ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีที่มีน้ำท่วมขังใน กทม. บางพื้นที่ก็เกือบจะเข้าสู่สภาวะปกติแล้วเช่นกัน เช่น ถนนวิภาวดี รังสิตที่พื้นผิวจารจรเริ่มแห้งทั้ง 2 ฝั่ง แต่ก็ยังมีที่น่าเป็นห่วงอยู่บ้างในขณะนี้ เช่น ในเขตของฝั่งธนบุรี โดยคาดว่าจะมีน้ำท่วมขังยาวนานถึงสิ้นปี แต่ยังสามารถเข้าบ้านได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าจะมีความลำบากบ้างในการเดินทางเท่านั้น