xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ-ศศิน” หนุนแนวคิดยอมกรุงเทพฯ ท่วมบางส่วนเพื่อรักษาทั้งหมดไว้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ชี้เพื่อไทยหมดสิทธิอ้างน้ำเขื่อนภูมิพลถูกกักเก็บสมัยประชาธิปัตย์ จากข้อมูลเห็นชัด มวลน้ำมากใน ส.ค.-ก.ย. พร้อมหนุนแนวคิด “ปราโมทย์” ยอมให้กรุงเทพฯ บางส่วนท่วมเพื่อระบายน้ำออกทางตะวันออกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดีกว่ากักไว้จนแรงดันสูงทำพนังกั้นพัง ด้าน “ศศิน” เผยยังมีเวลา 48 ชั่วโมง หวังรัฐบาลรีบจัดการ แต่ปัญหาคือประชาชนต้องร่วมใจกันเสียสละ แต่ใครจะมาสั่งการแล้วให้ทุกคนเห็นพ้องได้

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนเคาะข่าว”  

วันที่ 21 ต.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร  ได้ร่วมพูดคุยในประเด็นวิกฤตน้ำท่วม ผ่านทางรายการ “คนเคาะข่าว”

นายปานเทพกล่าวว่า มีข้อน่าสังเกตว่าในปี 2554 ระดับน้ำในเขื่อนภูมิพลเดือน มิ.ย.เริ่มสะสมน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะ ส.ค.เป็นต้นไปจนถึง ก.ย.เรากักเก็บน้ำที่สูงมาก พอน้ำข้างบนจากจากทิศเหนือลงมา น้ำที่เกือบถึงจุดสูงสุดของเขื่อนจึงไม่มีทางเลือก คือต้องปล่อยพรวดเดียว อย่างเร็วที่สุด ที่แรงที่สุดประมาณ 7 วัน วันละประมาณ 100 ล้าน ลบ.ม. บางวันเกือบ 140 ล้าน ลบ.ม.

รวมกับการไม่ระบายน้ำไปทางแม่น้ำท่าจีนอย่างทันท่วงที โดยผ่านทางสุพรรณบุรี มีกระแสว่าถึงขั้นต่อรองอย่างหนักเพื่อไม่ให้ท่วมสุพรรณบุรี เลยต้องมาที่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก เลยทำให้ท่วมภาคกลาง

พอมาถึงรังสิตก็ยังคิดที่จะกั้นน้ำต่อไป เพื่อให้กรุงเทพฯ แห้งสนิท แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าจะทานอยู่ ถ้าพนังกั้นน้ำพัง ซึ่งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญก็บอกแนวพนังกั้นน้ำกทม.มีโอกาสพัง ก็จะตามมาด้วยแรงมหาศาล ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย วันนี้เพิ่งจะมีแนวคิดเปิดประตูคลองทั้งหมด เพื่อลดระดับน้ำ และลดแรงดันน้ำ ส่วนหนึ่งก็มาจากข้อเสนอแนะของ อ.ปราโมทย์ ไม้กลัด ชี้แนะว่าทางรอดทางเดียวคือต้องผ่อนน้ำออก ให้ผ่านทางกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ที่ปล่อยน้ำด้านทิศตะวันออกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  ไม่ใช่ลดระดับน้ำในคลองเพื่อรองรับน้ำท่วมในอนาคต แบบนี้ไม่เป็นการลดแรงดันน้ำ

มีวิศวกรแนะนำให้เปิดทางน้ำให้ออกเร็วที่สุดด้วยการระเบิดถนน ภาวะแบบนี้จึงต้องการการตัดสินใจที่เด็ดขาด และเฉียบคม แม่นยำ แต่ยังดีที่วันนี้มีแนวคิดเริ่มเปลี่ยนหลังจากที่ผิดพลาดมาอย่างต่อเนื่อง ทีนี้น้ำกำลังจะมาอีกระลอกจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเพื่อไทยจะอ้างไม่ได้แล้วว่าน้ำสะสมเขื่อนมาตั้งแต่ มิ.ย.ในสมัยประชาธิปัตย์ ไม่มีสิทธิ์แล้ว เพราะชัดเจนว่ามวลน้ำมากในเดือน ส.ค. และมากที่สุด ก.ย. จนกระทั่งจัดการอะไรไม่ได้

นายปานเทพกล่าวต่อว่า มีข้อสังเกตว่าการที่ต้องเก็บน้ำในปีนี้มากๆ เพราะมีบางคนเสนออยากทำนา 4 ครั้งต่อปี เนื่องจากมีโครงการจำนำข้าว ใครมีโรงสีก็จะได้เปรียบ ได้ประโยชน์อย่างมหาศาล ปลูกข้าวได้เยอะ ก็ได้ประโยชน์เยอะ สุพรรณฯนี่ตัวดีเลย วันนี้ก็ไม่ได้ท่วมแบบคนอื่นเขา แม่น้ำท่าจีนก็เหมือนกัน กว่าจะทำคลองลัด ก็หลังจากที่มีพระราชดำรัส แต่ก็ไม่ทันแล้ว

ด้าน นายศศินกล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำวันนี้เลย คือคลองลาดกระบัง กับคลองหนองงูเห่า แล้วตัดไปที่คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ตรงกลางมีคลองจระเข้ใหญ่อยู่อันหนึ่ง มอเตอร์เวย์ กับบางนาตราด เอาออกสักช่วงหนึ่ง หรือใช้เหล็กพาดให้น้ำผ่านได้ เพื่อให้น้ำออกไปที่ตัวคลองที่เตรียมไว้สำหรับสุวรรณภูมิ ได้ข้อมูลมาว่าคลองนี้ระบายน้ำได้ดีมาก แต่ไม่มีน้ำมาเพราะถูกกักไว้ที่อื่น แนะนำว่าให้รีบดึงน้ำมา เพื่อให้ระบบคลองในสมุทรปราการทำงาน ไม่อย่างนั้นสุวรรณภูมิอันตราย แล้วจะเรื่องใหญ่

ตนเล่นเฟซบุ๊ก ทำยูทิวบ์ ไม่ได้เสนอแผนอะไร แค่แปลงคำพูด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มาให้คน กทม.รู้ อย่างคันกั้นน้ำคืออะไร ก็คือถนนหทัยราษฎร์ ร่มเกล้า กิ่งแก้ว ไม่เคยมีคนพูดแบบนี้ แล้วคนกรุงเทพฯ ก็ไม่รู้ว่าคันกั้นมันอยู่ตรงไหน ตัวเองอยู่ในหรืออยู่นอกคัน

คันกั้นน้ำก็คือถนนนั้น แต่พอกำแพงริมแม่น้ำเจ้าพระยาเรียกว่าแนวกั้นน้ำ อันนี้ก็ไม่มีใครรู้ มันเป็นปัญหาเรื่องการสื่อสาร

นายศศินกล่าวต่อว่า จากกรณีธรรมศาสตร์รังสิตรอดในวันนี้ ก็มีคนมาอธิบายว่าเขาใช้วิธีน้ำต้านน้ำ คือถ้าอีกฝั่งของคันกั้นเป็นพื้นที่แห้ง พออีกฝั่งมีน้ำมาปะทะก็จะหัก แต่ถ้ามีน้ำเสริมสักครึ่งก็มีลุ้น

การจัดการปัญหาขณะนี้คือ เพิ่มประสิทธิภาพคลองให้เป็นวีเชป เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้แรง ขุดลอกคลองขุดเลย ลดคันกั้นที่มอร์เตอร์เวย์ บางนา-ตราด ซึ่งอาจต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำหลายๆ อย่างพร้อมกันให้สอดประสาน และจัดการคน ปัญหาใหญ่ตอนนี้ติดตรงที่ใครจะสั่งการเพื่อให้ประชาชนเห็นพ้อง สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้มวลชนมาช่วยกัน  น้ำมวลใหญ่นี้จุดอ่อนคือช้ามาก ยังมีเวลา 48 ชั่วโมง สั่งการคืนนี้พรุ่งนี้ยังทัน

นายปานเทพกล่าวเสริมว่า เห็นด้วยกับการที่ยอมให้ท่วม กทม.บางส่วน ในระดับที่เหมาะสม ส่วนการเจาะถนนให้น้ำผ่าน ต้องใช้การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งอำนาจเต็มจะอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง ปัญหาคือนายกฯ เหมาะสมที่จะเป็นคนนั้นหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการรวมอำนาจแบบสะเปะสะปะ เละเทะยิ่งกว่าเดิม





กำลังโหลดความคิดเห็น