ศปภ.รับมีแนวโน้มคุมน้ำไม่ได้ ขีดเส้น 7 วันอันตราย พร้อมเจาะทางรถไฟนครปฐม เปิดทางน้ำลงทะเลแก้วิกฤตเมืองกรุง สั่งเบรกน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ เหตุหวั่นน้ำหนุนซ้ำเติมภาคกลาง ผนวกกับหากมีฝนตกเพิ่มจะทำให้ กทม.จม
วันที่ 20 ต.ค. รายงานข่าวจากทีมวิชาการ ศปภ.เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์ที่เข้าวิกฤตขยายพื้นที่ความเสียหายจนมาถึงเขตกทม. มีแนวโน้นที่สถานการณ์จะรุนแรงไม่สามารถควบน้ำได้ ทำให้ทีมวิชาการของ ศปภ. ได้หารือที่แนวคิดถึงการผันน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด โดยที่ที่ประชุมมีข้อเสนอหากสถานการณ์เข้าสู้ขั้นวิกฤตจริงภายใน 7 วัน จะต้องตัดสินทำการเปิดทางน้ำฝังตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยวิธีการเจาะช่องทางน้ำผ่านเส้นทางคมนาคมทั้งถนนหรือทางรถไฟ โดยเฉพาะทางรถไฟ ซึ่งถือว่าเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การผันน้ำลงสู้ทะเลไปด้วยความล่าช้า ซึ่งจุดที่จะมีการเจาะทางรถไฟ คาดว่าจะอยู่บริเวณจังหวัดนครปฐม
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า มีข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำขณะที่น่ากังวลคือน้ำหลากทางตอนเหนือ ที่ทำให้น้ำเข้ามาภายในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์เป็นอย่างมาก ซึ่งทาง ศปภ.เป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบต่อการผันน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจะซ้ำเติมพื้นที่ภาคกลางที่ต้องรับน้ำอยู่แล้ว ดังนั้น จึงได้ประสานไปยังประธานบอร์ด กฟผ.จำกัด (มหาชน) และ ผู้ว่าฯ กฟผ.ให้ลดการปล่อยน้ำลงมาโดยเขื่อนสิริกิติ์ได้หยุดการปล่อยน้ำแล้ว เหลือเพียงแต่เขื่อนภูมิพลที่ขอเปิดการระบายบางส่วน เนื่องจากมีน้ำเข้ามาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ศปภ.ยังเฝ้าระวังมวลน้ำก้อนใหญ่ที่จะเข้ามาจากทาง จ.นครสวรรค์ โดยประเมินว่าถ้ามีปริมาณฝนลงมาเพิ่มสมทบอีกจะทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร