ศาลยุติธรรมทั่วประเทศยังเปิดทำงานปกติ ขณะที่ศาลใดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ให้เลื่อนพิจารณาคดีออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ชี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัยประชาชนเดินทางมาศาลไม่ได้
วันนี้ (14 ต.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการทำงานของสำนักงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ในภาวะน้ำท่วมว่า ขณะนี้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ยังเปิดทำการตามปกติ ส่วนการบริหารจัดการคดีให้เป็นไปตามสถานการณ์ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งศาลที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่ประสบปัญหาอุทกภัย เช่น นครสวรรค์ อุทัยธานี และพระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศเลื่อนการนัดพิจารณาคดีออกไปแล้ว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย คดีใดที่ประชาชนไม่สามารถเดินทางไปศาลได้เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วม ถือว่ามีเหตุสุดวิสัยคู่ความฝ่ายที่เสียหายสามารถยื่นคำขอฝ่ายเดียว โดยทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ตนมีภูมิลำเนาหรืออยู่ในเขตศาลในขณะที่เกิดเหตุสุดวิสัยนั้นได้ (ตามมาตรา 10 ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)
นายอนุสรณ์กล่าวด้วยว่า สำหรับคดีอาญาที่ครบกำหนดผลัดฟ้องและฝากขัง ศาลยุติธรรมได้ประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำหรับการกำหนดแนวทางร่วมกันแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อคดีความต่างๆแล้ว หากประชาชนผู้ประสบภัยและมีความจำเป็นต้องติดต่อราชการกับศาลในสังกัดศาล ยุติธรรม เกิดข้อสงสัยสามารถปรึกษาได้ที่ศาลยุติธรรมในเขตภูมิลำเนา หรือติดต่อศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยสำนักงานศาลยุติธรรม หมายเลขโทรศัพท์ 0-2541-2309, 0-2541-2343, 0-2514-2256, 08-1755-2366, 08-1863-0833, 08-1988-1132 โทรสาร 0-2541-2358 และ Email:grad@coj.go.th ตลอด 24 ชม.ไม่มีวันหยุดราชการ
วันนี้ (14 ต.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการทำงานของสำนักงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ในภาวะน้ำท่วมว่า ขณะนี้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ยังเปิดทำการตามปกติ ส่วนการบริหารจัดการคดีให้เป็นไปตามสถานการณ์ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งศาลที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่ประสบปัญหาอุทกภัย เช่น นครสวรรค์ อุทัยธานี และพระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศเลื่อนการนัดพิจารณาคดีออกไปแล้ว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย คดีใดที่ประชาชนไม่สามารถเดินทางไปศาลได้เนื่องจากประสบปัญหาน้ำท่วม ถือว่ามีเหตุสุดวิสัยคู่ความฝ่ายที่เสียหายสามารถยื่นคำขอฝ่ายเดียว โดยทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ตนมีภูมิลำเนาหรืออยู่ในเขตศาลในขณะที่เกิดเหตุสุดวิสัยนั้นได้ (ตามมาตรา 10 ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)
นายอนุสรณ์กล่าวด้วยว่า สำหรับคดีอาญาที่ครบกำหนดผลัดฟ้องและฝากขัง ศาลยุติธรรมได้ประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำหรับการกำหนดแนวทางร่วมกันแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อคดีความต่างๆแล้ว หากประชาชนผู้ประสบภัยและมีความจำเป็นต้องติดต่อราชการกับศาลในสังกัดศาล ยุติธรรม เกิดข้อสงสัยสามารถปรึกษาได้ที่ศาลยุติธรรมในเขตภูมิลำเนา หรือติดต่อศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยสำนักงานศาลยุติธรรม หมายเลขโทรศัพท์ 0-2541-2309, 0-2541-2343, 0-2514-2256, 08-1755-2366, 08-1863-0833, 08-1988-1132 โทรสาร 0-2541-2358 และ Email:grad@coj.go.th ตลอด 24 ชม.ไม่มีวันหยุดราชการ
