“หมอชูชัย” ชี้ จำคุก “จินตนา” สะท้อนกลุ่มทุนสามารถใช้กฎหมายส่งนักต่อสู้เข้าคุกได้หากไปขัดผลประโยชน์ เชื่อสถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรง จับตาพื้นที่โครงการใหญ่ทั้งของรัฐ และทุนยักษ์ เหตุชุมชนจะถูกละเมิดสิทธิมากขึ้น
วันที่ 12 ต.ค.นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ให้จำคุก นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ตนเคารพคำพิพากษาที่ออกมา แต่มีข้อสังเกตว่า มีความไม่ปกติในสังคมไทยที่คนที่มีจิตสำนึกสาธารณะที่หาได้ยากยิ่งเช่นนางจินตนาต้องมาเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ โดยกลุ่มทุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถใช้กฎหมาย สื่อ รวมทั้งทนายความที่มีความสามารถสูงทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำชุมชนที่มีจิตสำนึกสาธารณะ
“ทำให้ชุมชนขัดแย้งแตกแยกกัน รวมทั้งสามารถส่งผู้พิทักษ์สิทธิชุมชนเข้าไปอยู่ในคุกได้ หรือทำร้าย หรือฆ่าทิ้ง หากไปขัดผลประโยชน์มหาศาลของทุนขนาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ยังดำรงอยู่ต่อไปและทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงขอให้จับตาดูในพื้นที่ที่มีโครงการและทุนขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชน โดยชุมชนจะถูกคุกคามและถูกละเมิดสิทธิมากขึ้น”
นพ.ชูชัย กล่าวต่อว่า ตนขอยกย่องจิตวิญญาณกล้าสู้กล้าเสียสละในการปกป้องแผ่นดินถิ่นเกิดของนางจินตนา และเห็นว่าสังคมไทยเป็นหนี้บุญคุณของนางจินตนา และกลุ่มอนุรักษ์ ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เสียสละอุทิศชีวิตและประสบกับความทุกข์ยากนานัปการในการปกป้องสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากรชายฝั่งทะเลในบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปถึงทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งนางจินตนากับกลุ่มอนุรักษ์ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์แห่งตน หากแต่ทำเพื่อปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้คนไทยและคนรุ่นหน้า ซึ่งหลังจากตนและประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กลับจากการประชุมในต่างประเทศ ก็จะเดินทางไปเยี่ยมนางจินตนา และถือโอกาสตรวจเยี่ยมสถานที่คุมขังตามหน้าที่ด้วย
วันที่ 12 ต.ค.นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ให้จำคุก นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ตนเคารพคำพิพากษาที่ออกมา แต่มีข้อสังเกตว่า มีความไม่ปกติในสังคมไทยที่คนที่มีจิตสำนึกสาธารณะที่หาได้ยากยิ่งเช่นนางจินตนาต้องมาเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ โดยกลุ่มทุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถใช้กฎหมาย สื่อ รวมทั้งทนายความที่มีความสามารถสูงทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำชุมชนที่มีจิตสำนึกสาธารณะ
“ทำให้ชุมชนขัดแย้งแตกแยกกัน รวมทั้งสามารถส่งผู้พิทักษ์สิทธิชุมชนเข้าไปอยู่ในคุกได้ หรือทำร้าย หรือฆ่าทิ้ง หากไปขัดผลประโยชน์มหาศาลของทุนขนาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ยังดำรงอยู่ต่อไปและทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงขอให้จับตาดูในพื้นที่ที่มีโครงการและทุนขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชน โดยชุมชนจะถูกคุกคามและถูกละเมิดสิทธิมากขึ้น”
นพ.ชูชัย กล่าวต่อว่า ตนขอยกย่องจิตวิญญาณกล้าสู้กล้าเสียสละในการปกป้องแผ่นดินถิ่นเกิดของนางจินตนา และเห็นว่าสังคมไทยเป็นหนี้บุญคุณของนางจินตนา และกลุ่มอนุรักษ์ ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เสียสละอุทิศชีวิตและประสบกับความทุกข์ยากนานัปการในการปกป้องสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากรชายฝั่งทะเลในบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปถึงทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งนางจินตนากับกลุ่มอนุรักษ์ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์แห่งตน หากแต่ทำเพื่อปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้คนไทยและคนรุ่นหน้า ซึ่งหลังจากตนและประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กลับจากการประชุมในต่างประเทศ ก็จะเดินทางไปเยี่ยมนางจินตนา และถือโอกาสตรวจเยี่ยมสถานที่คุมขังตามหน้าที่ด้วย