เลขาฯสภา เตรียมแจงกรณี ส.ส.ไม่ยอมคืนโน้ตบุ๊ก พรุ่งนี้ อ้างยอดอม 50 เครื่อง จำใจเดินเรื่องฟ้องขอคืนต่อศาล ยอมรับเครื่องละ 3 หมื่น แพงกว่าตลาด เหตุลงโปรแกรมไลเซนส์แท้ ปัดล็อกสัมปทานแอร์การ์ดให้ “เอไอเอส” พร้อมให้ตรวจสอบ
วันนี้ (6 ต.ค.) นายพิฑูรย์ พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้สำนักบริหารงานกลาง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือชี้แจงภายหลังจากที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข้อมูลการยืม-คืนคอมพิวเตอร์พกพา (โน้ตบุ๊ก) ของ ส.ส.รวมไปถึงการอภิปรายของ นายอภิชาติ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในที่ประชุมสภา ระบุว่า ยังคงมีโน้ตบุ๊กที่ไม่ได้คืนอีก 204 เครื่อง และสภาได้ซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่มาให้สมาชิกยืมใช้งาน คาดว่า ในวันที่ 7 ต.ค.จะทราบข้อเท็จจริงและแจ้งกับสื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบกับแหล่งข่าว ซึ่งเป็นข้าราชการในสภา เปิดเผยว่า ข้อมูลที่เปิดเผยผ่านสื่อ และ ส.ส.ได้นำไปอภิปรายนั้นมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากจำนวนโน้ตบุ๊กที่ยังไม่ได้รับคืนนั้น ล่าสุด เหลือไม่ถึง 50 เครื่องเท่านั้น และขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามคืนจากอดีต ส.ส.ที่ไม่ได้รับเลือกตั้งในสมัยปัจจุบัน ด้วยวิธีการส่งเรื่องฟ้องศาลให้นำเครื่องมาคืน ซึ่งบางรายอยู่ระหว่างการไกล่เกลี่ย ส่วนโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ที่เป็นยี่ห้อเลอโนโวนั้น ไม่ได้เป็นการจัดซื้อเข้ามาใหม่ แต่เป็นเครื่องที่ได้รับบริจาคจากประเทศจีน เมื่อสมัยที่ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นประธานสภา ที่ไม่ได้ใช้งานในกิจการของสภา จำนวน 50 เครื่องเท่านั้น
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเลขที่ไม่ได้คืนจำนวน 204 เครื่องนั้น เป็นยอด ณ วันที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยภายหลังจากนั้นได้มีอดีต ส.ส.นำเครื่องมาคืน ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้มาคืน แต่ได้รับเลือกมาเป็น ส.ส.อีก ก็ได้นำเครื่องที่ยืมจากสมัยที่ผ่านมา มาทำสัญญายืมกับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้งานต่อไป ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่าทำได้ตามระเบียบของสภา สำหรับประเด็น ส.ส.ทำเครื่องหายนั้น ต้องมีการชดใช้ แต่หากอุปกรณ์ชำรุด ต้องชดใช้ราคาอุปกรณ์เป็นรายชิ้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ค่าชดใช้ความเสียหายของโน้ตบุ๊กมีราคาสูงกว่า 30,000 บาทนั้น เป็นราคาที่สูงกว่าท้องตลาด เนื่องจากตัวซอฟต์แวร์ที่ลงไว้ให้สมาชิกนั้นเป็นลิขสิทธิ์แท้ และมีราคาแพงมาก เนื่องจากหน่วยงานราชการมีกฎห้ามใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะเท่ากับทำผิดกฎหมาย
ส่วนกรณีแอร์การ์ดที่เป็นของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส นั้น แหล่งข่าวชี้แจงว่า ไม่ได้มีการผูกขาด หรือเอื้อให้กับบริษัทเอกชนรายใดเป็นพิเศษ เพราะตามกระบวนการของราชการ ต้องมีการเปิดประมูลทุกครั้ง และทำสัญญาปีต่อปี ซึ่งบริษัทที่มาให้บริการแอร์การ์ดเป็นผู้ที่ชนะการประมูล อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ต้องให้ ส.ส.มีแอร์การ์ดเพื่ออำนวยความสะดวกการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตนอกสถานที่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ขณะที่การลงทะเบียนไว-ไฟของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะเป็นเพียงการรับลงทะเบียนเพื่อขอรหัสลงชื่อเข้าใช้งานเท่านั้น ทุกอย่างที่ทำนั้นโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้
