รมช.พาณิชย์เงาจับพิรุธ รบ.ยิ่งลักษณ์ถลุงงบ 4 แสนล้าน ชี้เปิดรับจำนำข้าวเร็วขึ้้นส่อเค้าเอื้อประโยชน์โรงสีกินส่วนต่างซื้อข้าวเกือบเท่าตัว เผยลงพื้นที่พบข้าวเต็มโรงสีแต่ชาวนาไม่มีข้าว ปูดมีข่าวเตรียมไฟเขียวโรงสีติดแบล็คลิสต์เข้าร่วมโครงการ
เมื่อวันที่ 17 กย. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าจะติดตามโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นพิเศษ เพราะเป็นโครงการที่ใช้เม็ดเงินสูงถึง 435,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินงบประมาณประเทศ ไม่เคยมีโครงการจำนำครั้งไหนที่ใช้เม็ดเงินเท่าครั้งนี้
นพ.วรงค์กล่าวว่า ด้วยเหตุที่รัฐบาลมีมติในการเปิดโครงการจำนำข้าวในวันที่ 7 ตุลาคม 54 และสิ้นสุดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 55 แต่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนเพื่อรับฟังปัญหาพี่น้องเกษตรกร พบว่า ได้ข้อสังเกตท้วงติงจากเกษตรกรมาว่าโดยปกติแล้วโครงการจำนำนั้นควรจะเริ่มประมาณเดือนพฤศจิการยนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นปกติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้การที่รัฐบาลเร่งขยับโครงการเร็วขึ้น 1 เดือนนั้นมีความหมายอย่างไร จึงเกิดคำถามว่า รัฐบาลต้องการให้โรงสี หรือพ่อค้าคนกลาง รีบซื้อข้าวจากชาวนาที่เร่งเก็บเกี่ยวหนีน้ำท่วม เพื่อฉวยโอกาสในการเร่งระบายสต๊อกข้าวของโรงสีเพื่อเข้าสู่โครงการจำนำข้าวของรัฐบาล
“ขณะนี้ชาวนาไม่มีข้าว แต่โรงสีมีข้าว ดังนั้นการที่รัฐบาลเร่งโครงการขึ้น 1 เดือน เป็นการฉวยโอกาส เปิดโอกาสให้โรงสีสวมสิทธิ์เข้าโครงการรัฐบาล เพราะก่อนหน้านี้โรงสีซื้อข้าวประมาณ 8,000 บาท แต่ถ้าส่งให้รัฐบาลราคา 15,000 จึงเป็นช่องทางที่ดีมาก และเปิดโอกาสเร็วขึ้น 1 เดือน ถือว่าเป็นช่องทางในการรั่วไหลของเม็ดเงินมหาศาล ซึ่งนี่คือข้อสังเกตที่ชาวนาฝากให้มาถาม” นพ.วรงค์กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวเกิดขึ้นว่ารัฐบาลจะเปิดโอกาสให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการและมีแบล็กลิสต์ หรือโรงสีที่เคยมีปัญหาเรื่องทุจริตในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งโดยปกติแล้วรัฐบาลจะไม่ให้โรงสีดังกล่าวเข้าร่วมโครงการจำนำของรัฐบาล นพ.วรงค์กล่าว่า ตอนนี้กลับมีกระแสข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะให้โรงสีที่มีแบล็กลิสต์ดังกล่าวเข้าร่วมโครงการได้ เพียงแต่มีเงื่อนไขว่า หากโรงสีดังกล่าวยอมทำตามเงื่อนไขของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเรื่องนี้ก็เท่ากับว่าอาจเป็นช่องทางในการสมรู้ร่วมคิดระหว่างโรงสีของคนใกล้ชิดรัฐบาลหรือไม่
“เรื่องนี้ก็เท่ากับว่าอาจจะเป็นช่องทางในการสมรู้ร่วมคิดระหว่างโรงสีของคนใกล้ชิดรัฐบาลหรือไม่ ที่มีประวัติในการทุจริตมาอยู่แล้ว แต่รัฐบาลยังพยายามโอนอ่อนผ่อนตาม เพื่อลดเงื่อนไข เพื่อเปิดโอกาสให้โรงสีที่มีประสบการณ์ในการทุจริตมาแล้วเข้าสู่ในการแบ่งเค้ก 4 แสน 3 หมื่นล้านหรือไม่” นพ.วรงค์กล่าว
สำหรับเรื่องสิทธิของเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้จากกรณีน้ำท่วม นพ.วรงค์กล่าวว่าเรื่องนี้ตนมีความจำเป็นจะต้องย้ำเรื่องนี้ทุกสัปดาห์เพราะขณะนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนชาวบ้านยังคงเรียกร้องในเรื่องนี้อยู่
“ชาวบ้านบอกว่า ถ้าเขาเกี่ยวข้าววันนี้จะเอาไปเสนอกับรัฐบาล แต่รัฐบาลยังไม่รับเข้าร่วมโครงการจำนำเพราะโครงการจะเริ่มวันที่ 7 ตุลาคม วันนี้ยังเป็นโครงการเก่า ดังนั้นในเมื่อยังเป็นโครงการเก่าอยู่ สิทธิของชาวนาในการรับเงินส่วนต่างยังต้องเกิดขึ้น ผมจึงขออนุญาตเตือนไปยังรัฐบาลว่าภายใต้ความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนในเรื่องน้ำท่วม ท่านยังไม่ประกาศความชัดเจนในการจ่ายเงินส่วนต่าง ผมย้ำว่าอารมณ์ของพี่น้องเกษตรกรชาวนาตอนนี้กำลังครุกรุ่น และผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลไม่มีความชัดเจนในการเยียวยาเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องเงินส่วนต่าง เราอาจจะเห็นม็อบเกษตรกรท่ามกลางน้ำท่วมมาเรียกร้องเงินส่วนต่างจากทางรัฐบาล จึงอยากให้รัฐบาลรีบตัดสินใจให้เงินส่วนต่างกับพี่น้องเกษตรกรในสถานการณ์น้ำท่วม” นพ.วรงค์กล่าว