ศูนย์บริหารสถานการณ์อุทกภัยฯ เผยจังหวัดประสบภัยน้ำท่วมรวม 29 จังหวัด ราษฎรเดือดร้อนกว่า 3 แสนครัวเรือน เสียชีวิตแล้ว 98 ราย ระบุปริมาณน้ำในปีนี้น่าเป็นห่วง เขื่อนขนาดใหญ่เข้าขั้นวิกฤตต้องเร่งระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่อง เตือน ปชช.ท้ายเขื่อนเร่งย้ายของขึ้นที่สูง
วันนี้ (16 ก.ย.) นายภาณุ แย้มศรี ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) กล่าวว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 29 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ยโสธร เลย ขอนแก่น ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา นครนายก ตราด ตาก สระแก้ว ปราจีนบุรี ตรัง สตูล และสุราษฎร์ธานี รวม 162 อำเภอ 1,021 ตำบล 5,449 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 333,073 ครัวเรือน 1,148,250 คน ผู้เสียชีวิต 98 ราย สูญหาย 2 ราย
นายภาณุกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในทุกลุ่มน้ำต่างๆ ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทำให้ปริมาณน้ำ ในลุ่มน้ำต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งอยู่แล้วระดับน้ำท่วมจะเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำ ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ 3,670 ลบ.ม./วินาที และผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3,183 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ลุ่มต่ำ 8 จังหวัด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี
“สถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆ โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำร้อยละ 86 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำร้อยละ 95 ของความจุอ่างฯ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำมากเกินความจุร้อยละ 102 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำร้อยละ 95 ของความจุอ่างฯ ซึ่งต้องเร่งระบายน้ำออกเพื่อพร่องน้ำอย่างต่อเนื่อง จึงขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนให้เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง” นายภาณุกล่าว