“อภิสิทธิ์” ชี้ขอถวายฎีกา “ทักษิณ” มีหลักเกณฑ์-ตัวอย่างเทียบเคียง ย้ำต้องทำเหมือนคนไทยคนอื่น อย่าสองมาตรฐาน เชื่อหากถึงขั้นออกกฎหมายจะกลายเป็นชนวนขัดแย้ง พร้อมแจงโยกย้ายเลขาฯ สมช.สมัยเป็นรัฐบาล เพราะเกิดปัญหาภายใน สมช. ย้ำจับตานโยบายรัฐทั้งรับจำนำข้าว-ราคาน้ำมัน
วันนี้ (10 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า มีหลักเกณฑ์ในการดำเนินการอยู่แล้ว และมีกรณีตัวอย่างให้เทียบเคียง ซึ่งการดำเนินการจะต้องปฏิบัติเหมือนเช่นคนไทยคนอื่น อย่ามี 2 มาตรฐาน ซึ่งในอดีตนั้นไม่เคยมีการถวายคำแนะนำให้อภัยโทษนักโทษหนีคดี ส่วนจะมีการออกกฎหมายเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลและมองว่าจะกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง ขณะที่กรณีที่ดินรัชดาก็มีความพยายามบิดเบือนทำนองว่าเมื่อไม่มีการซื้อขาย การกระทำนั้นก็ไม่มีความผิด
ส่วนเรื่องการโยกย้ายเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมัยตนนั้น นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า เกิดจากการที่รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ให้ทหารเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งกระทบกระเทือนต่อข้าราชการใน สมช. ตนจึงปรับย้ายให้มีความเหมาะสมให้นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่เติบโตมาจาก สมช.ดำรงตำแหน่งแทน ขณะที่การปรับย้ายนายถวิลในรัฐบาลชุดนี้เป็นการกระทำเพื่อตอบสนองให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ เห็นว่านายถวิลมีสิทธิร้องเรียนตามกฎหมายได้หลายช่องทาง
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เห็นว่าเวลานี้อยากให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยเป็นลำดับแรก โดยตนจะติดตามในรายละเอียดความชัดเจนโครงการรับจำนำข้าว ที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข คือจะทำอย่างไรกับข้าวที่ไม่สามารถนำไปเข้าโครงการรับจำนำได้เลย นอกจากนี้ เรื่องการปรับขึ้นราคาน้ำมันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลได้ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันนั้น ตนได้ติดตามอยู่ และเห็นว่าการปรับขึ้นราคาน้ำมันของบริษัทเอกชน ทำให้บริษัทน้ำมันได้ประโยชน์ ซึ่งผลประโยชน์กลับไม่ส่งถึงประชาชนแต่อย่างใด