รองโฆษกรัฐปูแดง มันปาก!! อ้างรัฐตั้งให้จ้อทุกวัน ทำมึน ครม.เงา ตั้งมาทำไม ซัดฝ่ายค้านเก่ง วิพากษ์ได้เป็นฉากๆ แต่ตอนทำงานจริง ไม่ได้ถึงครึ่ง ชี้ แค่ความเห็นของคนผิดหวัง ขู่ฟ่อๆ ส่อผิดฐานปฏิปักษ์การปกครอง สับยุค “มาร์ค” ก็โยกเพียบ อ้างเหมือนทีมบอลเปลี่ยนโค้ช ต้องหานักเตะเข้าขาแทน ชู “กี้ร์ ตะกายตึก” ต้นคิดแมตช์กระชับมิตรเขมร ท้านักวิชาการตั้งพรรค
วันนี้ (8 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนจากนี้ให้มาชวนทุกท่านมาตั้งข้อสังเกตทางการเมือง แต่ไม่ใช่การตอบโต้ทางเมือง เน้นการสื่อสารนโยบายที่เป็นประโยชน์ จากนี้ไปจะมีทีมโฆษกมาแถลงเกือบทุกวัน
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า มีการตั้งข้อสังเกตประเด็นเรื่องการตั้ง ครม.เงา การตั้ง ครม.มีวัตถุประสงค์อะไร ตั้งใจทำงานอย่างสร้างสรรค์หรือไม่ ขณะนี้ที่รัฐบาลพยายามตั้งใจทำงาน แต่มีความพยายามตั้ง ครม.เจตนารมณ์น่าจะพิสูจน์ ทั้งนี้ ตนก็ขอแสดงความดีใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเงา และขอแสดงความเสียใจกับ นายกษิต ภิรมย์ ที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเงา
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐมนตรีหลายท่านตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีจริง ติดอยู่ลิสต์รัฐมนตรีที่โลกลืม พอเป็นรัฐมนตรีเงาเก่งขึ้นมาทันที อธิบายความเรื่องไฟใต้ ทั้งที่เวลาทำงานจริงไม่ได้ถึงครึ่งของการเป็น ครม.เงา ตนอยากตั้งข้อสังเกตว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเสพติดอำนาจหรือไม่ แพ้เลือกตั้งทุกครั้ง แต่พยายามเป็นรัฐบาล เป็นรัฐบาลจริงไม่ได้ ก็เป็นรัฐบาลเงา อยากฝากว่าจากนี้ไปหากมีข้อคิดเห็นอะไรให้ตั้งคำถามไว้ก่อนว่ามีเจตนาอย่างไร เพราะต้องไม่ลืมว่ากลุ่มคนที่ขันอาสามาเป็นติวเตอร์ ถ้าเป็นการเรียนถือว่าสอบตกมาก่อน ทั้งการทำงานจริง และการสอบ คือ การเลือกตั้ง ฉะนั้น ข้อคิดเห็นใดจาก ครม.เงา ต้องฟังอย่างมีสติ ฟังหูไว้หู เพราะถ้าดูแบบแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ เขาจะเลือกคนเรียนเก่ง มีคะแนนท็อปเทนไปเป็นติวเตอร์ แต่ว่า ครม.เงาชุดนี้ เป็นติวเตอร์ เป็นคนสอบตกมาก่อน และบางเรื่องต้องมีความละอาย เช่น เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม หากติดขัดตรงไหนให้สอบถามได้ทุกเมื่อ ก็เรียนว่าไม่ถาม เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาก็สอบตกในเรื่องดังกล่าว ฉะนั้น จากนี้ไปข้อคิดใดจาก ครม.เงาต้องฟังอย่างมีสติ ระมัดระวัง และเป็นความเห็นของคนผิดหวัง สอบตก แล้วไม่อยากรอ เป็นมุมคิดที่มาแลกเปลี่ยน
“หากไปเอาเรื่องเอาราวกับ ครม.เงา สามารถเอาเรื่องได้ เพราะมีว่าการจงใจใช้อำนาจหน้าที่ที่ขัดบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งอาจถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 เนื่องจากกากตั้ง ครม.เงา โดยไม่มีกฎหมายรองรับ และเข้าข่ายความผิด 94(3) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 โทษฐานกระทำการเป็นปฏิปักษ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีโทษถึงขั้นส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคได้ และเพิกถอนสิทธิ์หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค มีกำหนด 5 ปีอีกด้วย จริงๆ ถ้าพูดแบบไม่เกรงใจ ก็ถือว่าเป็น ครม.เถื่อน เป็นสินค้าจงใจเลียนแบบอย่างชัดเจน จึงเตือนเพราะเดี๋ยวจะตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อ แล้วที่บอกว่าไปเอาแบบที่อังกฤษมานั้น แตกต่างจากเรา เพราะอังกฤษมีกฎหมายรองรับ” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นการแต่งตั้งโยกย้ายมีการขยายความทำนองว่าย้ายล้างบาง เด้งฟ้าผ่า ไม่ปกป้องข้าราชการ ตนมีข้อมูลประกอบเมื่อตอนที่ นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เคยให้เหตุผลไว้ ในกรณีการโยกย้าย นายพีรพล ไตยทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ตอนนั้นให้มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า การโยกย้ายเพื่อประสิทธิภาพเพื่อการบริหารงาน นายสุเทพ ระบุว่า การโยกย้ายมีหลายเหตุผลไม่จำเป็นต้องโยกย้าย เพราะความผิด แต่เพื่อความเหมาะสมก็โยกย้ายได้ ซึ่งมีข้าราชการที่ออกมาบอกว่า เสียดาย เสียใจ สงสัย ไม่เข้าใจ แต่พอพูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรม ตนก็อธิบายกลับว่า ถ้าเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ท่านจะไม่พูดคำ 4 คำนั้น และที่บอกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ปกป้องข้าราชการ ตนบอกเลยว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ปกป้องข้าราชการมากคนหนึ่งเท่าที่สยามประเทศมา และไม่ได้ลดเกียรติภูมิ
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทย ชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงรับความคาดหวังของประชาชน ฉะนั้น รัฐบาลต้องปกป้องข้าราชการแน่นอน อยากให้ข้าราชการที่ใจตุ่มๆ ต่อมๆ ว่าหากทำงานดีเสมอต้นเสมอปลายไม่ต้องกลัว เหมือนทีมฟุตบอลตอนเปลี่ยนโค้ช เปลี่ยนผู้จัดการทีม ต้องเลือกนักเตะที่มีประโยชน์สร้างสรรค์เกม ร่วมกับทีมได้ และการเปลี่ยนตัวออกไม่ได้หมายความว่า คุณไม่มีคุณค่า เพียงแต่ในเกมนั้นขอโอกาสให้ผู้จัดการทีมได้สร้างสรรค์เกมตามรูปแบบของคนทำทีม ผู้ที่ถูกเปลี่ยนออกต้องรอโอกาสกลับมาพิสูจน์ฝีมือ อยู่ตรงไหนก็ทำประโยชน์ให้ประชาชน ถ้าคิดได้ก็ไม่เป็นทุกข์
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงการจัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างไทย กับกัมพูชา ว่า เป็นความพยายามของ ส.ส.ที่มองเห็นวิกฤตความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ให้ได้รับการเยียวยาทางความรู้สึก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จึงมาคิดเรื่องช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ จึงมาคิดรูปแบบ ระหว่างยิงกัน กับเตะฟุตบอล ตนว่าเตะฟุตบอลดีกว่า งานในวันนั้นจะมี ส.ส.ไปเตะฟุตบอล มีผู้บริหารกัมพูชามาร่วมกิจกรรม ถือเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องความสัมพันธ์ที่ดี และเชื่อว่า หลังฟุตบอลแมตช์นี้ เรื่องการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนไพบูลย์ อาจจะมีข่าวดี หลังฟุตบอลแมตช์กระชับมิตรครั้งนี้ ส่วนประธานฝั่งไทย คือ คนที่ดำริเริ่มต้น คือ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่จะหาเงินบางส่วนมาช่วยผู้ได้รับผลกระทบซึ่งมีการประสานกับ นายจตุพร มาโดยตลอด วันที่จะเตะคาดว่า วันที่ 24 ก.ย.จะมีดนตรี กีฬาควบคู่กันไป สถานที่จะมีการแจ้งอีกครั้ง ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงบางคนติดคำสั่งศาลไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศนั้น ก็ต้องมีการดำเนินการให้ถูกต้อง หากขัดคำสั่งศาลคงไปไม่ได้
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการออกมาระบุว่า ดีแต่โม้ ว่า นักวิชาการก็ดีแต่ติเช่นกัน หากมั่นใจก็ให้ออกมาตั้งพรรคแข่งกันตามกรอบกติกา แต่เชื่อว่าจะมีชะตาเหมือนพรรคที่นักวิชาการเชียร์อยู่