“เลขาฯ วุฒิสภา” เผย ดีเอสไอรับเรื่อง กสทช.เป็นคดีพิเศษ กรณีสรรหาไม่โปร่งใส ไม่เกี่ยววุฒิสภา เพราะได้ผ่านไปแล้ว ระบุ หากผลสอบว่าสรรหามิชอบ ก็เป็นเรื่องพิจารณารายบุคคลไม่เหมารวมทั้ง 11 คน
วันนี้ (6 ก.ย.) นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีมติให้การสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่โปร่งใส ไว้ในสารบบเป็นคดีพิเศษ ว่า ในส่วนของวุฒิสภา และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาการสรรหา กสทช.ถือว่า กระบวนการทั้งหมดได้ผ่านพ้นไปแล้ว และวุฒิสภาก็ได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้น ส่วนดีเอสไอจะรับเรื่องไว้พิจารณาและมีมูลความผิดอย่างไรก็เป็นเรื่องในระบบของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล
เมื่อถามว่า หากผลการสอบสวน พบว่า คณะกรรมการสรรหา กสทช.มีความผิด จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อผู้ที่ได้รับเลือกทั้ง 11 คน นางนรรัตน์ กล่าวว่า คิดว่า เมื่อมีคำพิพากษาออกมา ก็คงเป็นเรื่องของรายบุคคล แต่ต้องรอคำพิพากษาของศาลก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือแจ้งเป็นทางการไปยังว่าที่ กสทช.ทั้ง 11 คนแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการ กสทช.ที่จะเรียกประชุมเพื่อเลือกตำแหน่งประธานและรองประธานต่อไป
ด้าน น.ส.ทัศนา บุญทอง ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ กสทช.กล่าวว่า คงต้องดูต่อไปว่าดีเอสไอจะดำเนินการสอบสวนอย่างไร แต่วุฒิสภาก็ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว แต่หากพบว่ากระบวนการสรรหา กสทช.ไม่โปร่งใสจริง ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล คงไม่ยุบ กสทช.ทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไปว่าจะนำรายชื่อทั้ง 11 คนขึ้นทูลเกล้าฯ หรือไม่อย่างไร
วันนี้ (6 ก.ย.) นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีมติให้การสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่โปร่งใส ไว้ในสารบบเป็นคดีพิเศษ ว่า ในส่วนของวุฒิสภา และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาการสรรหา กสทช.ถือว่า กระบวนการทั้งหมดได้ผ่านพ้นไปแล้ว และวุฒิสภาก็ได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้น ส่วนดีเอสไอจะรับเรื่องไว้พิจารณาและมีมูลความผิดอย่างไรก็เป็นเรื่องในระบบของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล
เมื่อถามว่า หากผลการสอบสวน พบว่า คณะกรรมการสรรหา กสทช.มีความผิด จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อผู้ที่ได้รับเลือกทั้ง 11 คน นางนรรัตน์ กล่าวว่า คิดว่า เมื่อมีคำพิพากษาออกมา ก็คงเป็นเรื่องของรายบุคคล แต่ต้องรอคำพิพากษาของศาลก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ส่งหนังสือแจ้งเป็นทางการไปยังว่าที่ กสทช.ทั้ง 11 คนแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการ กสทช.ที่จะเรียกประชุมเพื่อเลือกตำแหน่งประธานและรองประธานต่อไป
ด้าน น.ส.ทัศนา บุญทอง ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการ กสทช.กล่าวว่า คงต้องดูต่อไปว่าดีเอสไอจะดำเนินการสอบสวนอย่างไร แต่วุฒิสภาก็ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว แต่หากพบว่ากระบวนการสรรหา กสทช.ไม่โปร่งใสจริง ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล คงไม่ยุบ กสทช.ทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไปว่าจะนำรายชื่อทั้ง 11 คนขึ้นทูลเกล้าฯ หรือไม่อย่างไร
