คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม เปิดประตูรับคำร้องทุกข์ “ถวิล” ถูกโยกไปนั่งที่ปรึกษานายกฯโดยไม่ชอบธรรม ฟันธงข้ออ้างนั่งเลขาฯ ศอฉ.ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฟังไม่ขึ้น ย้ำขรก.ประจำเป็นกลไกสำคัญในการทำงานเพื่อสนองนโยบายรัฐ ไม่ใช่สนองตัณหานักการเมือง
วันนี้ (6 ก.ย.) นายจาดุร อภิชาตบุตร นายกสมาคมข้าราชการพลเรือน กล่าวถึงกรณีที่ นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เตรียมนำเรื่องเข้าหารือหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ว่า ยินดีให้คำปรึกษา เพราะถือเป็นหน้าที่ของสมาคมอยู่แล้ว หากมีความข้องใจถึงการโยกย้าย ซึ่งเรื่องของการโยกย้ายถือเป็นอำนาจที่ทำได้ แต่การโยกย้ายก็อยู่ที่ 2 คำ คือ ความถูกต้อง กับความชอบธรรม ซึ่งเรื่องของความชอบธรรมต้องดูถึงเหตุผล และต้องไปดูว่า นายถวิล ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.โกวิท อย่างไร ถ้าหาก นายถวิล เห็นว่า การโยกย้ายนี้ไม่มีเหตุไม่มีผล ทางคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมต่อข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ค.) ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ออกคำสั่งและผู้รับคำสั่งคุยกัน หากไม่พอใจ และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ก.พ.ค.ซึ่งมีเวลาอยู่ 30 วัน
นายจาดุร กล่าวว่า เรื่องของความถูกต้องกับความเป็นธรรม ต้องดูไปถึงเหตุการณ์เฉพาะหน้าด้วย รัฐบาลชุดก่อนได้มีการยุบสภาหนีไปก่อน หมดสมัยเมื่อแพ้การเลือกตั้ง เพราะนโยบายที่ทำมาไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน เมื่อมีรัฐบาลใหม่ ข้าราชการประจำก็จะเป็นกลไกในการทำงาน ก็ต้องได้คนที่ทำงานสนองนโยบายรัฐบาล แต่หากเป็นเหตุผลต้องย้าย เพราะ นายถวิลเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) รับไม่ได้ เพราะไม่ว่าใครเป็น เมื่อรัฐบาลบอกว่าต้องเป็นเลขาฯ ศอฉ.ใครก็ต้องเป็นไปตามคำสั่ง พูดแบบกฎหมายสหรัฐฯไม่ได้ เพราะกฎหมายไทยการโยกย้ายข้าราชการต้องมีเหตุมีผล ส่วนกรณีของปลัดกระทรวงมหาดไทย คงไม่เหมือนกรณีของ นายถวิล ถ้ามองในแง่อาวุโสก็อาวุโสน้อยมาก ข้ามสายมานั่ง ดังนั้น ถ้าจะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมคงไม่ได้ เพราะในเมื่อมาอย่างไม่เป็นธรรม แล้วจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากที่ไหน