โฆษก ปชป.ท้า “นพเหล่” อย่ามัวพล่ามฟ้องแก้เกี้ยว เย้ยขาดภูมิปัญญา ซัด “สุรเกียรติ์” อย่าทะลึ่งอ้างไปลงนามเอ็มโอยู 44 เพื่อแสดงว่าไทยเป็นเจ้าของอธิปไตยที่เกาะกูด เหตุมีอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 1907 แจงไว้ชัดแล้ว
วันนี้ (5 ก.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัมทมะ ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะฟ้องร้องตนหรือพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ออกมากล่าวพาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องการลงนามในบันทึกความเข้าใจทางทะเลระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ปี 2544 นั้นว่า ส่วนตัวมองว่าจริงๆ แล้วนายนพดลเองไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนี้และเป็นการตอบโต้ที่ไม่มีสาระข้อมูลใดๆ เป็นการดำเนินการเช่นเดียวกับที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ กำลังดำเนินการอยู่ คือเมื่อเรามีความพยายามที่จะสอบถามหรือตั้งข้อสงสัย เขาก็พยายามที่จะตัดกระบวนการดังล่าวด้วยการฟ้องร้อง ซึ่งตนพร้อมเสมอที่จะมีการฟ้องร้อง และขอให้นายนพดลรีบดำเนินการเพื่อจะได้พิสูจน์ทางศาลว่า ใครกันแน่ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย และขอให้นายนพดลกลับไปศึกษาข้อมูลในเรื่องนี้ก่อน เพราะมีเทคนิคมากมาย และหากไม่รู้จริงก็จะทำให้เสียเวลาเปล่าที่จะไปตอบโต้
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ และรมว.การต่างประเทศ สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพาดพิงตนว่าได้กล่าวหาและบิดเบือนข้อเท็จจริงนั้น ก็จะขอออกแถลงการณ์ที่มีความชัดเจนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพราะสิ่งที่นายสุรเกียรติ์ออกมาระบุว่าเรื่องนี้มีการเจรจากันมานาน ไม่ได้เกิดในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องถามกลับว่า เขาได้เจรจากันมานานกว่า 20 ปีแล้วยังตกลงกันไม่ได้เลย แล้วพอรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาบริหารเพียง 4 เดือน มันมีอะไรเป็นปัจจัยเปลี่ยนแปลงที่ทำให้นายสุรเกียรติ์กล้าไปลงนามในสิ่งที่คนเขาทำกันมาถึง 20 ปี แต่ยังไม่มีใครกล้าไปเซ็นรับรอง แต่นายสุรเกียรติ์กลับกล้าไปลงนาม สิ่งที่เขาคุยกันมานานเพราะต่างเห็นในสิ่งที่ไม่ถูกต้องว่า ไทยเสียเปรียบ ดังนั้น ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาจึงไม่มีใครกล้าลงนามใน เอ็มโอยู 2544 จึงขอถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณและนายสุรเกียรติ์เห็นปัจจัยเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ส่วนที่ระบุว่า เพราะเอ็มโอยู 2544 ทำให้ทางกัมพูชายอมรับความเป็นเจ้าของในอธิปไตยในตัวเกาะกูดของประเทศไทยนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงมันตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง เพราะที่ผ่านมาคนไทยทุกคนรู้อยู่แล้วว่า เกาะกูดเป็นส่วนหนึ่งของ จ.ตราดของประเทศไทย ไม่ต้องมีเอ็มโอยูหรืออะไรมารับรอง แต่ท่านเองกลับไปอ้างเพื่อลงนามในเอ็มโอยู จึงที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ เพราะเกาะกูดมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ววว่าเป็นของประเทศไทย มีการลากเส้นฐานตรงรับรองสิทธิยืนยันชัดเจน การที่นายสุรเกียรติ์อ้างว่าการไปลงนามในเอ็มโอยูเพื่อเป็นการยืนยันว่า เกาะกูดเป็นของไทยนั้น ไม่ใช่เช่นนั้นเลย เพราะอนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ปี 1907 เองก็ระบุชัดว่า เกาะกูดเป็นของไทย ไม่มีข้อสงสัยใดๆ และกองทัพเรือไทยก็ตรวจการร์รักษาแนวมาโดยตลอด จึงอยากถามท่านกลับไปว่า ท่านไม่ทราบจริงๆ หรือว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย การที่ท่านกล่าวอ้างเช่นนี้อีกหน่อยมีคนมากล่าวอ้างว่า เกาะภูเก็ตเป็นของมาเลเซีย แล้วไม่ต้องไปมีการลงนามในเอ็มโอยู เพื่อเอาเกาะภูเก็ตคืนหรือ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเทคนิค ตนจะออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันนี้ (5 ก.ย.) อีกครั้ง