ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)แสดงออกแล้วว่า ไม่ยอมโดนเด้งออกจากเก้าอี้เลขาฯ สมช ง่ายๆ ประกาศพร้อมจะสู้ให้ถึงที่สุด
ด้วยการใช้ช่องทางที่มีอยู่ตามระบบที่กฎหมายเปิดช่องให้ข้าราชการคนไหนที่ถูกย้ายออกจากตำแหน่งแล้วเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) เหมือนกับที่วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิชย์ ที่ถูกรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย้ายออกจากอธิบดีกรมการปกครองไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
วงศ์ศักดิ์ยื่นเรื่องร้องต่อก.พ.ค.แล้วในที่สุดก.พ.ค.ก็มีความเห็นให้มหาดไทยต้องคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองให้วงศ์ศักดิ์ แม้กระทรวงมหาดไทยจะยื้ออยู่นานแต่ก็ไม่สำเร็จ
อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งช่องทางคือยื่นต่อศาลปกครอง หากว่าก.พ.ค.ไม่รับคำร้องหรือรับแล้วแต่มีมติไม่เป็นอย่างที่ข้าราชการที่ยื่นเรื่องต้องการก็ร้องศาลปกครองได้เหมือนกับที่จาดุร อภิชาติบุตร ที่ถูกรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เด้งจากรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไปเป็นหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยมาร่วม3ปีกว่า
สุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้ว ศาลปกครองก็เพิ่งตัดสินให้จาดุรชนะได้กลับไปเกษียณในตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก่อนเกษียณไม่กี่อาทิตย์
ใครเห็นด้วยกับ ถวิล เปลี่ยนศรี ก็คงเอาใจช่วยกันไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะอย่างน้อย ข้าราชการเองก็มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ว่านึกอยากย้ายอยากปลดใคร นักการเมืองก็สั่งได้ตามอำเภอใจ เสมือนหนึ่งข้าราชการไม่มีหัวจิตหัวใจ ต้องคอยเป็นลูกไล่นักการเมืองร่ำไป
ทว่าสำหรับคนในสมช.เองแล้วดูจะไม่ค่อยแปลกใจนักที่ “ถวิล” โดนเด้ง และเจ้าตัวจริงๆ ก็น่าจะเข้าใจสัจธรรมอยู่แล้วว่าเมื่อการเมืองเปลี่ยน เก้าอี้ที่ตัวเองได้มาก็ต้องโยกเป็นธรรมดา
เนื่องเพราะ “ถวิล” ได้เป็นเลขาธิการสมช.ก็เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไปเด้ง พลโท สุรพล เผื่อนอัยกา จากเลขาธิการสมช.ไปนั่งตบในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประจำทำเนียบรัฐบาล
แล้วเอา “ถวิล”จากรองเลขาสมช.ขึ้นมาแทน
สาเหตุที่พลโท สุรพลโดนย้ายก็ไม่มีอะไรมากปัจจัยหลักคือรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ไว้ใจ หวั่นข้อมูลการข่าวต่างๆ จะไม่เป็นความลับ เพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียม 10 กับทักษิณ ชินวัตร
มองว่าพลโท สุรพลเป็นคนของฝ่ายตรงข้ามเพราะได้เป็นเลขาธิการสมช.ในสมัยรัฐบาลพลังประชาชน-สมัคร สุนทรเวช ที่ตั้งพลโท สุรพล ให้เป็นเลขาธิการสมช.ด้วยการเด้ง พลโทศิรพงศ์ บุญพัฒน์ ที่ได้เป็นเลขาธิการสมช.สมัยพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี
จึงเห็นได้ว่า ในเวลาไม่กี่ปี มีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการสมช.มาแล้วหลายคนด้วยเหตุผลการเมืองทั้งสิ้น พอรัฐบาลใหม่เข้ามา ก็ต้องจัดการเด้งเลขาธิการสมช.ที่ตั้งโดยรัฐบาลชุดเก่าออกไป
ถ้าอภิสิทธิ์ไม่เด้ง บิ๊กเผื่อน ออกจากเลขาธิการสมช.เมื่อเดือนมิถุนายน 2552 ด้วยเหตุผลการเมือง “ถวิล” ก็คงไม่ได้เป็นเลขาธิการสมช.
พลโท สุรพล ที่หลายคนมองว่ามีความเป็นมืออาชีพในเรื่องการข่าวความมั่นคงมากกว่า “ถวิล”ลูกหม้อสมช.มากนัก เพียงแต่ติดที่ว่า พลโท สุรพลเป็นเตรียม 10 มีพรรคพวกในพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก พลโท สุรพลจึงอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการสมช.ไม่ได้ เมื่อถูกเด้ง บิ๊กเผื่อน ก็ไม่ได้โวยวายอะไร แถมพูดไว้น่าคิด
“ชีวิตก็เหมือนละคร เปลี่ยนบทใหม่ก็สวมหน้ากากใหม่ ก็เต้นให้ถูกบทบาทตามเวลา”
มาด้วยการเมือง ก็ไปด้วยการเมือง
ถวิล เปลี่ยนศรี ไม่เข้าใจ หรือเพราะไม่อยากเข้าใจ?