ที่ประชุม ปชป.เคาะกรอบอภิปรายนโยบาย รบ.3 ด้าน ทั้ง ศก.-สังคม-การเมือง ใช้เวลา 400 นาที นำโดย “กรณ์-ชินวรณ์-ชำนิ” ท้า นายกฯ ลบคำสบประมาทนายกฯโคลนนิงแม้ว- ครม.ยี้
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ว่าที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับกรอบการอภิปรายนโยบายรัฐบาลในวันที่ 23-24 ส.ค.นี้ ว่า ที่ประชุมมีมติที่จะใช้เวลาอภิปรายทั้งสิ้น 400 นาที โดยแบ่งกรอบการอภิปรายออกเป็น 3 ประเด็น ประกอบไปด้วย 1.ด้านเศรษฐกิจ ที่มีนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าทีม โดยจะมีผู้อภิปรายทั้งสิ้น 16 ราย ใช้เวลา 200 นาที 2.ด้านสังคม ซึ่งมี นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าทีม มีผู้อภิปราย 10 คน ใช้เวลา 80 นาที 3.ด้านการเมือง ความมั่นคง มี นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าทีม โดยจะมีผู้อภิปรายทั้งสิ้น 10 ราย ใช้เวลา 120 นาที รวมผู้อภิปรายทั้งสิ้น 36 ราย รวมเวลา 400 นาที ทั้งนี้ จะเน้นไปที่การติดตามนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง และชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการดำเนินการตามนโยบาย รวมถึงการเสนอความเห็นถึงมาตรการเพิ่มเติมของรัฐบาล โดยยืนยันว่า การอภิปรายในครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความสร้างสรรค์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า คาดหวังว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นไปตามเอกสารแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์จะตอบข้อซักถามจากฝ่ายค้านด้วยตัวเอง ทั้งนี้ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ระบุว่า เป็นผู้มีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการกลั่นกรองนโยบาย รวมถึงคัดเลือกผู้เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งคณะรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ดังนั้น การตอบข้อซักถามดังกล่าวนี้จะเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เคยยืนยันมา และเป็นการแสดงศักยภาพว่า มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องไม่ควรที่จะหนีการตอบคำถามของฝ่ายค้านเหมือนการแสดงพฤติกรรมการหนีข้อซักถามของผู้สื่อข่าว ดั่งที่ปรากฏออกมา ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่สง่างาม
นายองอาจ กล่าวว่า การอภิปรายนโยบายของรัฐบาลนี้มีการดำเนินมาหลายสมัย และเป็นเรื่องปกติของวิธีทางแห่งประชาธิปไตย ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นที่จะต้องมีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีแต่อย่างใด เพราะนั่นจะทำให้ประชาชนไม่มีโอกาสรับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์