xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ไม่หวั่น “ปึ้ง” ขู่ฟ้อง ยันซักถึง “แม้ว” แน่ เย้ย พท.ขุดคดีโกงเล่นแค่กลบกระแส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
โฆษกประชาธิปัตย์สุดงง “สุรพงษ์” ขู่ฟ้องพรรค แทนที่จะไปฟันรัฐบาลญี่ปุ่น แต่ชี้ก็ดีจะได้พิสูจน์ใครโกหก ซัดอย่าสร้างข่าวบิดเบือนประเด็น หยัน พท.ขุด 162 เรื่องโกงรัฐบาลมาร์ค แค่แก้เกมเข้าตาจน ลั่นพร้อมถูกสอบ หวังได้เห็นนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์เวทีแถลงนโยบาย ยันมีสิทธิ์พล่ามถึง “นช.แม้ว” สวน “นพเหล่” ไร้คุณสมบัติจึงต้องเดินออกจากพรรคซบ พท.

วันนี้ (21 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการขอวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย เข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นกรณีพิเศษ และจนถึงขณะนี้นายสุรพงษ์ และพรรคเพื่อไทย ยังยืนยันว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นฝ่ายดำเนินการเองโดยไม่ได้มีการร้องขอว่า เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะจนถึงขนาดนี้แล้วคนของพรรคเพื่อไทยยังยืนกระต่ายขาเดียว ซึ่งข้อมูลที่ชี้แจงตรงข้ามกับที่ฝ่ายญี่ปุ่นเปิดเผยออกมา ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดนายสุรพงษ์ถึงไม่ยอมไปฟ้องร้องรัฐบาลญี่ปุ่นในเรื่องนี้ แต่กลับขู่ว่าจะฟ้องพรรคประชาธิปัตย์แทน อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเรื่องดีที่เรื่องนี้มีการตรวจสอบ เพื่อจะได้รู้ว่ามีฝ่ายใดโกหกและพิสูจน์ความจริงให้ประชาชนได้รับรู้ เรื่องนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องเพียง 2 ฝ่ายเท่านั้น หากฝ่ายรัฐบาลไทยพูดถูกก็เท่ากับฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นฝ่ายโกหก

“ขอให้เป็นการตรวจสอบจริงๆ รัฐบาลอย่าทำเรื่องนี้เป็นพียงการบิดเบือน หรือเบี่ยงเบนประเด็นในช่วงนี้ ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนต้องการข้อเท็จจริง เพราะพรรคเพื่อไทยมีการใช้ประเด็นเช่นนี้ ในการเรียกร้องความสนใจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการฟ้องร้องกลับ หรือจะเป็นการหยิบยกการพบ 169 ศพที่จังหวัดระยอง โดยทำให้เห็นความเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง ทั้งที่มีพยานเอกสารและพยานบุคคลชัดเจนแล้วว่าที่มาที่ไปของ 169 ศพเป็นอย่างไรและมาจากไหน ซึ่งผู้เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันตรงกัน แต่พรรคเพื่อไทยก็พยายามเบี่ยงเบน สร้างความปั่นป่วน สร้างความขัดแย้งให้กับสังคมไทย ดังนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำไม่ใช่ประเด็นที่สร้างสรรค์ และเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าสิ่งนี้ไม่ได้ต้องการจะทำเพื่อพี่น้องประชาชน” นายชวนนท์กล่าว

นายชวนนท์ยังกล่าวกรณีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่าจะหยิบยกเรื่องที่รัฐบาลชุดเก่าเคยดำเนินการมา 162 เรื่องมาตรวจสอบ โดยอ้างว่ารัฐบาลชุดเก่ามีการทุจริตคอรร์รัปชันว่า นี่คืออีก 1 ตัวอย่างที่จะแสดงว่าเมื่อตัวเองเข้าตาจน มีปัญหาที่ตอบสังคมไม่ได้ ก็จะพยายามหยิบยกเรื่องอื่นโดยแอบอ้างว่ามีประชาชนส่งข้อมูลมามากมาย ทั้งนี้คือการการหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาโจมตี คือการเล่นการเมืองแบบเก่า ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เป็นห่วงเรื่องการตรวจสอบ เรายินดีรับการตรวจสอบในทุกเรื่อง เพียงแต่ขอให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าเอาเรื่องเหล่านี้มาบิดเบือนบดบัง ประเด็นปัญหาของรัฐบาลเอง

นายชวนนท์กล่าวอีกว่า จากผลสำรวจประชาชนในขณะนี้ พบว่าประชาชนอยากเห็นรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เรื่องยาเสพติด แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เคยเห็นทิศทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา ดังนั้นวันแถลงนโยบายในวันที่ 23-24 ส.ค.นี้ หวังว่าจะเห็นรัฐบาลทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนที่รอสิ่งเหล่านี้อยู่ รวมถึงหวังจะเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแสดงวิสัยทัศน์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบแนวทางที่จะนำพาประเทศต่อไป รวมถึงจะเป็นผู้ชี้แจงตอบคำถามของทางสมาชิกพรรคฝ่ายค้านได้ด้วยตัวเอง

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรจะใช้เวทีในสภาอภิปรายเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับนโยบายโดยเฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย นายชวนนท์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะอภิปรายอยู่ในกรอบอยู่แล้ว แต่ความสามารถในการปฏิบัตินโยบายให้สำเร็จนั้นต้องดูว่าอยู่ที่ใดบ้าง ดังนั้นถ้าตัวบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องที่จะทำให้นโยบายต่างๆ ที่จะนำเสนอไม่ได้รับการปฏิบัติ หรือปฏิบัติไม่ดีเท่าที่ควร ก็เป็นสิทธิที่พวกเราจะอภิปรายถึง

“หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอุปสรรคในการดำเนินนโยบาย ก็ต้องพูดถึง แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณเกี่ยวข้องเรื่องใดบ้าง อย่างเรื่องพลังงานก็มีการพูดมากมายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปกัมพูชาและต้องตรวจสอบ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะน้องสาวก็ทราบดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีเจตนาอะไร เพราะเรื่องพลังงานอยู่ในวาระและมีความพยายามผลักดันจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และปกปิดประชาชนมานาน ดังนั้นถ้ามีการดำเนินการเรื่องนี้ ฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบ จะไปห้ามไม่ให้มีการอภิปรายไม่ได้” นายชวนนท์กล่าว

นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ พาดพิงการทำงานฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์เป็นมรดกตกทอดซึ่งมีลักษณะที่ไม่สร้างสรรค์ว่า ในฐานะที่ตนเป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ ขอยอมรับว่ามีมรดกตกทอดจริงๆ แต่เป็นมรดกทางอุดมการณ์ ทางประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่ไม่แน่ใจว่ามรดกตกทอดเหล่านี้นายนพดล ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับหรือไม่ จึงต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป
กำลังโหลดความคิดเห็น