xs
xsm
sm
md
lg

ใบสั่งจากดูไบถึงตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในขณะที่รัฐบาลปูแดงเดินหน้าลุยเต็มที่เพื่อพี่ชายนักโทษหนีคดี อีกด้านหนึงก็มีการจัดกระบวนทัพสีกากีใหม่แบบฟ้าผ่ากลางแดด ส่งสัญญญาณเตือนภัยไปถึงตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในช่วงปราบก่อการร้ายแดงว่า กำลังถูกเอาคืนหลังพรรคเพื่อไทยเข้ามาเสวยอำนาจรัฐ

โดยรายแรกที่เป็นไก่ถูกเชือดให้ลิงดู คือ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา สบ. 10 รักษาราชการแทน ผบช.ภ.1 ที่ถูกริบอำนาจการดูแลภาค 1 ไปให้นายพลเสื้อแดงอย่าง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทำให้เกิดเสียงครหาหนาหูว่าเป็น “ใบสั่ง” จากการเมือง

“การเปลี่ยนแปลงการรักษาราชการแทนครั้งนี้ ไม่มีใบสั่งจากนักการเมือง หรือเป็นการลงโทษแต่อย่างใด และไม่ใช่เป็นการลดเกรดหรือความสำคัญของ พล.ต.อ.อัศวินลง ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขณะที่รักษาราชการแทน ผบช.ภ.1 ก็ทำงานได้ด้วยดีมาตลอด แต่ทำการปรับเปลี่ยนเพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการปราบปรามของตำรวจภูธรภาค 1 มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทางผบช.สกพ.เป็นผู้เสนอให้มีการปรับเปลี่ยน และถือเป็นนโยบายของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.อ.อัศวินจะได้มาดูงานปราบปรามในภาครวมซึ่งเป็รงานเดิมของท่านได้มีประสิทธิภาพ”

เนื้อหาข้างต้นเป็นคำชี้แจงของ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรงจแห่งชาติ ส่วนจะเชื่อถือได้หรือไม่ คิดว่าประชาชนสามารถใช้วิจารณญาณตัดสินได้ผ่านข้อมูลนี้

ก่อนที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.จะมีคำสังให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ไปรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา เพียงไม่ถึง 1 เดือน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ได้เดินทางไปดูไบในวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านาโดยสายการบินเอมิเรทส์ เที่ยวบินที่ EK375 และกลับประเทศไทยในวันที่ 24 ก.ค. ด้วยเที่ยวบิน EK 374

คำถามคือ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีในหมู่สีกากีว่ามีความใกล้ชิดกับ นช.ทักษิณ และเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญทำให้ดอกไม้เสื้อแดงเบ่งบานป่วนประเทศได้ตามสบายในจังหวัดปทุมธานี เดินทางไปดูไบทำไม

ใช่ไปพบ นช.ทักษิณหรือไม่ เพราะเขาวิจารณ์กันกระหึ่มปทุมวันว่า พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กลับมาพร้อมโผสีกากีที่จะใช้ในฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายเดือนกันยายนนี้ กระนั้นก็ดียังไม่สำคัญเท่ากับว่า หาก พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ตามกฎหมายในการจับกุมนักโทษหนีคดีไปพบกับ นช.ทักษิณจริง โดยไม่มีการจับกุมนักโทษกลับมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่กลับไปสยบยอมแทบตักเพื่อขอตำแหน่ง ย่อมเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกฎหมายและจริยธรรมอย่างยิ่ง

เป็นเรื่องที่ พล.ต.อ.วิเชียรต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง หาก ผบ.ตร.ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ก็มิอาจมองเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากท่านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ทรยศต่อวิชาชีพของตัวเอง วางตนอยู่แทบเท้านักโทษเพียงเพื่อรักษาอำนาจให้กับตัวเอง

เพราะนอกจากโผที่ถูกวิจารณ์ว่านำกลับมาประเทศไทย พร้อมการเดินทางของพล.ต.ต.คำรณวิทย์ จากดูไบ แล้ว ยังมีคำสั่งลับให้เป็นผู้ประสานงานตรงกับ พล.ต.อ.วิเชียร เพื่อเสนอทางเลือกที่พอใจแลกเปลี่ยนกับการออกจากตำแหน่ง ผบ.ตร. เปิดทางให้ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ขึ้นเป็น ผบ.ตร.แทนด้วย

ดีลนี้มีการเลื่อนขั้นให้ พล.ต.อ.วิเชียรจากข้าราชการซี 10 ขึ้นชั้นซี 11 เป็นเดิมพัน ในตำแหน่งที่เล็งไว้ให้ พล.ต.อ.วิเชียร ไปรับใช้ คือ เลขาธิการ สมช. หรือปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดิมเคยมีการพูดคุยว่าจะดำเนินการทันที แต่เมื่อข่าวรั่วถูกกระแสวิจารณ์หนาหูทำให้มีการชะลอ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงถูกวิจารณ์น้อยลง โดยใช้จังหวะเวลาฤดูการโยกย้ายในเดือนหน้า ทำคราวเดียวทั้งระบบแทน

พล.ต.อ.วิเชียรไม่จำเป็นต้องตอบคำถามในเรื่องนี้ เพราะความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้จะเป็นบทพิสูจน์ผู้ชายที่ชื่อ พล.ต.อ.วิเชียรเองว่า เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือเป็นได้แค้ข้ารับใช้นักโทษชายทักษิณ

ซึ่งหากเป็นอย่างหลังก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง เพราะ พล.ต.อ.วิเชียร ถือเป็นนายตำรวจที่เติบโตได้ดิบได้ดีจากการรับใช้สถาบันเบื้องสูง จนทำให้ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งรวดเร็วกว่าเพื่อนร่วมรุ่น จนชะตาพลิกผันทำให้ต้องออกจากในรั้วในวัง จึงส่งผลให้ พล.ต.อ.วิเชียรกลายเป็นนายตำรวจที่มีอาวุโสสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะได้ติดยศนายพลก่อน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เสียอีก

ถ้า พล.ต.อ.วิเชียร แยกแยะไม่ได้ว่า ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการเกิดจากใครและควรทดแทนบุญคุณกับใคร ก็ต้องถือว่าเสียทีที่เกิดมาในชาตินี้
กำลังโหลดความคิดเห็น