ผ่าประเด็นร้อน
ต้องบอกว่าน่าผิดหวังกว่าที่คิดเอาไว้มากทีเดียวเมื่อได้เห็นโฉมหน้าของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงหลักต่างได้บุคคลที่ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงถูกมองว่าได้รับคำสั่งเข้ามาดูแลและสานต่อภารกิจสำคัญบางอย่างให้กับ “เจ้าของ” พรรคเพื่อไทย และคนชักใยสั่งการนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าใจการเมือง และติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอดย่อมจะมองออกในทำนองเดียวกัน
สำหรับกระทรวงหลักที่ว่านั้นก็คือ คลัง พาณิชย์ คมนาคม พลังงาน ต่างประเทศกลาโหม มหาดไทย และยุติธรรม ซึ่งมีความหมายในเรื่องผลประโยชน์ และอำนาจทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่านี่คือการคาดหมายล่วงหน้าก่อนที่รัฐมนตรีแต่ละคนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากภูมิหลัง และเครดิตส่วนตัวแล้วภาพที่ออกมาจึงไม่สวย ไม่มีเครคิต ทำให้ขาดความเชื่อมั่นจากชาวบ้าน รวมไปถึงภาคธุรกิจเอกชน เพราะล่าสุดผู้บริหารของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อย่าง ธนิต โสรัตน์ ก็ได้ออกมาวิจารณ์แบบตรงไปตรงมาทันทีโดยเน้นไปที่ทีมเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ว่า “มือไม่ถึง” ไม่มีความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ทำให้เป็นที่น่ากังวลเมื่อต้องรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ที่กำลังก่อตัวอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปในเวลานี้ รวมไปถึงด้านการส่งออก การค้าชายแดน และการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ แม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็เปรียบเสมือน “มือใหม่หัดขับ” อีกทั้งถูกมองว่าไม่มีอำนาจแม้จริงในการตัดใจก็ยิ่งทำให้ความมั่นใจจากภายนอกมีสูงขึ้นตามไปด้วย
เมื่อไล่เรียงกันไปแต่ละบุคคลที่มานั่งเก้าอี้กระทรวงสำคัญแล้วยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าล้วนแล้วแต่ “สายตรง” เป็นที่ไว้ใจได้ของ ทักษิณ ชินวัตร และพจมาน ณ ป้อมเพชร และคนในครอบครัวซึ่งเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
เริ่มจาก ธีระชัย และ กิตติรัตน์ ที่เข้ามาดูแลกระทรวงการคลังและพาณิชย์ ตามลำดับ ล้วนแล้วแต่ใกล้ชิดกับ ทักษิณ-พจมาน ซึ่งคนในวงการรู้ดีว่ามีลักษณะไม่ต่างจาก “เด็กในบ้าน” เสียด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน นาทีนี้ที่น่าจับตามากที่สุดก็เห็นจะเป็น กระทรวงพลังงานที่มอบหมายให้ พิชัย นริพทะพันธุ์ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล มารับผิดชอบดูแล มันก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาพผลประโยชน์ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชาในเขตพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกในการเดินทางในต่างประเทศ และการยกเลิกกรณีส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับบางประเทศให้กับ ทักษิณ ชินวัตร มันก็เป็นเรื่องที่น่าจับตา เพราะคนที่มาเป็นรัฐมนตรีดังกล่าวมีลักษณะเปรียบเทียบไม่ต่างจาก “รัฐมนตรีส่วนตัว” ที่ “เจ้านาย” จะเรียกใช้ได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ภาพที่ออกมาก็ล้วนเป็นคนสนิทของ ทักษิณ และ พจมาน
ขณะที่ตำแหน่งอื่น เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รยนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนตำแหน่งในกระทรวงอื่นก็ว่ากันไปตามสัดส่วนและโควตาของคนในครอบครัว เช่น ภาคเหนือก็เป็นของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภาคอีสานก็ไม่แตกต่างกัน ภาพที่ออกมาจึงเป็นแบบนั้นจริงๆ
แม้ว่าภาพอีกด้านหนึ่งอาจจะอธิบายว่ามีความจำเป็นต้องจัดให้หน้าตาออกมาแบบนี้ หลังจาก “คนนอก” ภาพลักษณ์ดีที่เคยทาบทามเอาไว้ก่อนหน้านี้ต่างทยอยถอนตัวออกไปเป็นทิวแถว แต่มันก็สามารถอธิบายในตัวของมันเองแล้วว่าเป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้น “ไม่เชื่อมั่น” ในนโยบายของพรรคเพื่อไทยระหว่างการหาเสียง อีกทั้งยังรับไม่ได้กับการถูกแทรกแซงสั่งการจากคนที่มีอำนาจแท้จริงในรัฐบาล คนพวกนี้จึงไม่อยากเปลืองตัว
ดังนั้นนาทีนี้แม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีเสียงข้างมากที่เด็ดขาด ปราศจากการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล จนสามารถจัดวางตัวบุคคลให้ออกมาดูดี ให้สมกับความคาดหวังของชาวบ้านที่เทคะแนนให้ แต่เมื่อผลออกมาตรงกันข้ามแบบนี้ มันก็คงฝืนใจยากจะยอมรับได้จริงๆ และเมื่อเปิดตัวแล้วผิดความคาดหมาย ขาดความเชื่อมั่น ตั้งแต่ต้น มันก็ยิ่งทำให้การบริหารยากลำบาก กลายเป็นว่าพอเริ่มเปิดฉากก็ทำท่าจะนับถอยหลังกันแล้ว!!