“มาร์ค” ตั้งโจทย์ถามสรรพากรไม่อุทธรณ์การเก็บภาษี “โอ๊ค-เอม” แล้วใครจะเป็นคนจ่ายแทน เพราะมีเงินได้พึงเสียภาษีอยู่ เตือนต้องดำเนินการให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นสรรพากรจะถูกดำเนินคดีเสียเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสรรพากรเสนอเรื่องไม่อุทธรณ์เก็บภาษีนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องของกฎหมายต้องว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปกติที่ผ่านมาในแง่ของภาษีควรจะมีการอุทธรณ์จนกว่าคดีจะสิ้นสุดก่อนหรือไม่ ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของกรรมสรรพากรว่าจะไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการมันเพราะอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการอ้างคำสั่งศาลฎีกาว่าหุ้นเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรไปเรียกเก็บกับลูก แต่คดียังไม่ถึงที่สุด สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ทำไม่หน่วยงานรัฐไม่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องให้เขาชี้แจง หากจะวินิจฉัยอย่างนั้น รายได้ที่เกิดขึ้นจะไปเก็บจากคนอื่นหรือเปล่า เมื่อถามว่า มีการอ้างว่าต้องดูรายละเอียดว่าจะเก็บจาก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่สามารถที่จะมีกรณีที่บอกว่ามันเป็นเงินที่พึงจะเสียภาษีแล้วไม่มีใครเสียคงเป็นไปไม่ได้ ในทางกลับกันคงจะให้มากกว่าหนึ่งคนมาเสีย ก็คงไม่ได้ ฉะนั้นต้องตัดสินใจว่าจะให้ใครเสีย
ต่อข้อถามว่าเรื่องนี้ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่ผ่านมา ได้มีการติดตามหรือไม่ว่าท่าทีของสรรพากรตอนนั้น แตกต่างจากท่าทีที่ออมาตอนนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้เคยสอบถาม ตอนนั้นยังเป็นปัญหาที่มีความเห็นไม่ตรงกันทางข้อกฏหมาย รมว.คลังควรจะต้องชี้แจง เมื่อถามว่า ออกมาในช่วงเวลาแบบนี้เป็นการรองรับอำนาจที่กำลังจะเปลี่ยนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ให้กระทรวงการคลังชี้แจง
ส่วนผลสะท้อนออกมาแบบนี้จะสร้างความมั่นใจได้อย่างไร ว่าต่อไปเรื่องราวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่มีการตัดตอน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากจะมีการวินิจฉัยว่าบุคคลเหล่านี้ ไม่ต้องเสีย ก็ต้องไปวินิจฉัยต่อว่าแล้วใครจะต้องเป็นผู้เสีย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่มีใครเสียเลย คงต้องวินิจฉัยไปพร้อมๆ กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการที่ว่าถ้าใครรับใช้การเมืองอย่างนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังจะได้เป็นรมว.คลังในรัฐบาลชุดใหม่ จะกลายเป็นแบบอย่างว่าข้าราชการต้องทำแบบนี้ถึงจะได้ดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็น รมว.คลัง แต่ทำอะไรแบบนี้ต้องมีหลักที่อ้างอิงได้ในเชิงกฎหมาย ไม่งั้นจะเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะถูกดำเนินการเสียเอง เพราะถ้าไปทำในลักษณะที่รัฐเสียหายก็จะต้องถูกดำเนินการอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่าถ้าก้าวแรกเริ่มต้นแบบนี้ จะมีก้าวต่อไปในการเอาทรัพย์สินที่ถูกยึดทรัพย์คืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าในการวินิจฉัยเรื่องนี้ ยังไงตนเองก็เคยถามเขาว่าถ้าฝ่ายหนึ่งไม่เสียอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องเสีย เพราะมีเงินรายได้ที่เกิดขึ้นที่เป็นเงินได้ พึงจะเสียภาษีอากร ซึ่งตนเคยคุยกับ รมว.คลังว่าจะต้องชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ขอตนเองตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าเขาจะวินิจฉัยอย่างไร
