เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนเพื่อไทยไปแล้วกับกระบวนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกเมื่อ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา
สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิได้เป็นรองประธานสภาคนที่หนึ่ง และวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาได้เป็นรองประธานสภาคนที่สอง
ท่ามกลางข่าวว่า ทั้ง “เจริญ และวิสุทธิ์” นอกจากมึนๆ ว่าได้ตำแหน่งได้ยังไงแล้ว ยังมีอาการไม่พอใจเล็กน้อยที่โดนแกนนำพรรครวบหัวรวบหางเอาเก้าอี้มาให้แบบไม่ค่อยเต็มใจ
เพราะใจจริงทั้งสองคนไม่อยากนั่งตำแหน่งนี้เลย โดยเฉพาะ “เจริญ” ที่เป็น ส.ส.หลายสมัยอยู่มาหลายพรรคตั้งแต่ชาติไทย ความหวังใหม่ ไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทยอยากเป็นรัฐมนตรีมากกว่า จับจ้องไว้ที่ รมช.เกษตรและสหกรณ์
เช่นเดียวกับ “วิสุทธิ์” ที่รอบนี้ก็หวังอยากเป็นรัฐมนตรีเหมือนกันเพราะมีดีกรีเป็น ส.ส.มา 4 สมัยแล้ว น่าจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีโควตาภาคเหนือ แต่ก็ถูกผลักออกนอกไลน์ให้มาได้เป็นรองประธานสภา
ทั้งสอง “ว่าที่รองประธานสภาอันทรงเกียรติ” มีความผิดหวังอยู่ในใจลึกๆ แต่ไม่กล้าโวยออกมาเท่านั้นเอง เพราะศักดิ์ศรีตำแหน่งนี้มันจุกปากอยู่
ยืนยันได้จากกรณี “วิสุทธิ์” ผู้หวังลุ้นเป็นรัฐมนตรีนอกจากเพราะเป็นส.ส.หลายสมัยแล้ว แถมอยู่ในกลุ่ม “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ผ่านอดีตเลขาธิการพรรค นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เป็นคนรู้ใจของเสี่ยเพ้ง รอบที่แล้วได้เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร คือแต่งตัวรอเป็นรัฐมนตรีแล้ว
อีกทั้งเจ้าตัวถือว่ามีบทบาทอย่างมากในการจัดตั้งเสื้อแดงภาคเหนือโดยเฉพาะ “แดงพะเยา” ที่ถือเป็นแดงสายเข้มข้นมากที่สุดจังหวัดหนึ่ง และ “วิสุทธิ์” มีบทบาทอยู่หลังฉากในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือมาตลอด มีผลงานชิ้นโบแดงแกมดำ ก็เป็นงานที่การเอาเสื้อแดงมาปักหลักชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าและสี่แยกราชประสงค์นานร่วมสามเดือน
“วิสุทธิ์” จึงหวังไว้มากว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีเพราะมีแรงหนุนทั้งในพรรคและนอกพรรคที่น่าจะเข้าตาทักษิณ ชินวัตร
แต่โผมาพลิกเอาในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเสนอชื่อวิสุทธิ์ให้ที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทยเห็นชอบเมื่อ 1 สิงหาคม 2554 เพราะข่าวว่า วิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา สายเสี่ยเพ้งอีกคน ซึ่งเดิมที “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตรวางจะให้เป็นรองประธานสภา
แต่ “วิทยา” ไม่เอา เพราะเห็นว่าตัวเองก็แน่เพราะเป็น ส.ส.สี่สมัยเหมือนกัน เป็นขาใหญ่ในกลุ่ม ส.ส.เพื่อไทยพื้นที่ภาคกลาง มีดีกรีเป็นอดีตประธานวิปรัฐบาลมาแล้ว จึงหวังเป็นรัฐมนตรีหากไม่ได้เป็นประธานสภา
ทำให้โผมาเปลี่ยนเอาเกือบห้าทุ่มกว่าคืนวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ “วิทยา” โทร.แจ้ง “เสี่ยเพ้ง-พงษ์ศักดิ์” และแกนนำพรรคว่าไม่ขอรับตำแหน่งรองประธานสภาแต่ขอเป็นรัฐมนตรีแทน ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนหยิบ “วิสุทธิ์” ซึ่งตามข่าวดูแล้ว “ทักษิณ” ก็คงไม่อยากดันขึ้นเป็นรัฐมนตรีมากนัก เลยหาทางออกให้ “วิสุทธิ์” มาเป็นรองประธานสภาแทน
อย่างไรก็ตาม ดูการจัดสรรตำแหน่งการเมืองกันในพรรคเพื่อไทยแล้ว แค่ตำแหน่งประธานสภา-รองประธานสภาเห็นแล้วว่า โฉมหน้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 มีปัญหาแน่นอน ทั้งปัญหาภายในพรรคและปัญหาเรื่องการยอมรับจากสังคม
ดูอย่างกรณี “วิสุทธิ์” พอขึ้นมาเป็นรองประธานสภา มีเสียงวิจารณ์กันหนักกับภาพลักษณ์ความเป็นนปช.แดงและยังมีเรื่องเดิมที่คนยังจำได้กันอยู่กับเรื่องที่ น.ส.วสา เทพเรียน อดีตเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ที่เป็นหน้าห้องของวิสุทธิ์ที่มีชื่อเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น อำเภอบางกรวย นนทบุรีซึ่งมีผู้เสียชีวิต 4 ราย
เพราะ “วสา” ถูกตำรวจสอบสวนพบว่าไปมีชื่อในกรณีโอนเงินให้กับนายกษิ ดิฐธนรัชต์ ผู้ต้องหาคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นที่ “วิสุทธิ์” เป็นคนพานางสาววสาไปมอบตัวกับตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ด้วยตัวเอง
จนถึงขณะนี้ความคืบหน้าของคดีก็เงียบหายไปเฉยๆ ไม่รู้ว่าการสอบสวนไปถึงไหน “นางสาววสา” มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรหรือเป็นผู้บริสุทธิ์ และคดีคงเงียบแน่นอนหลังเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล
ปัญหาเรื่องคนใกล้ชิดว่าที่รองประธานสภาเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนกรานว่าไม่มีปัญหา ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว เพราะถ้าบอกว่ามีปัญหา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนเสนอชื่อ “วิสุทธิ์” เป็นรองประธานสภา ก็ซวยแน่
สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิได้เป็นรองประธานสภาคนที่หนึ่ง และวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยาได้เป็นรองประธานสภาคนที่สอง
ท่ามกลางข่าวว่า ทั้ง “เจริญ และวิสุทธิ์” นอกจากมึนๆ ว่าได้ตำแหน่งได้ยังไงแล้ว ยังมีอาการไม่พอใจเล็กน้อยที่โดนแกนนำพรรครวบหัวรวบหางเอาเก้าอี้มาให้แบบไม่ค่อยเต็มใจ
เพราะใจจริงทั้งสองคนไม่อยากนั่งตำแหน่งนี้เลย โดยเฉพาะ “เจริญ” ที่เป็น ส.ส.หลายสมัยอยู่มาหลายพรรคตั้งแต่ชาติไทย ความหวังใหม่ ไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทยอยากเป็นรัฐมนตรีมากกว่า จับจ้องไว้ที่ รมช.เกษตรและสหกรณ์
เช่นเดียวกับ “วิสุทธิ์” ที่รอบนี้ก็หวังอยากเป็นรัฐมนตรีเหมือนกันเพราะมีดีกรีเป็น ส.ส.มา 4 สมัยแล้ว น่าจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีโควตาภาคเหนือ แต่ก็ถูกผลักออกนอกไลน์ให้มาได้เป็นรองประธานสภา
ทั้งสอง “ว่าที่รองประธานสภาอันทรงเกียรติ” มีความผิดหวังอยู่ในใจลึกๆ แต่ไม่กล้าโวยออกมาเท่านั้นเอง เพราะศักดิ์ศรีตำแหน่งนี้มันจุกปากอยู่
ยืนยันได้จากกรณี “วิสุทธิ์” ผู้หวังลุ้นเป็นรัฐมนตรีนอกจากเพราะเป็นส.ส.หลายสมัยแล้ว แถมอยู่ในกลุ่ม “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ผ่านอดีตเลขาธิการพรรค นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เป็นคนรู้ใจของเสี่ยเพ้ง รอบที่แล้วได้เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร คือแต่งตัวรอเป็นรัฐมนตรีแล้ว
อีกทั้งเจ้าตัวถือว่ามีบทบาทอย่างมากในการจัดตั้งเสื้อแดงภาคเหนือโดยเฉพาะ “แดงพะเยา” ที่ถือเป็นแดงสายเข้มข้นมากที่สุดจังหวัดหนึ่ง และ “วิสุทธิ์” มีบทบาทอยู่หลังฉากในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือมาตลอด มีผลงานชิ้นโบแดงแกมดำ ก็เป็นงานที่การเอาเสื้อแดงมาปักหลักชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าและสี่แยกราชประสงค์นานร่วมสามเดือน
“วิสุทธิ์” จึงหวังไว้มากว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีเพราะมีแรงหนุนทั้งในพรรคและนอกพรรคที่น่าจะเข้าตาทักษิณ ชินวัตร
แต่โผมาพลิกเอาในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเสนอชื่อวิสุทธิ์ให้ที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทยเห็นชอบเมื่อ 1 สิงหาคม 2554 เพราะข่าวว่า วิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา สายเสี่ยเพ้งอีกคน ซึ่งเดิมที “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตรวางจะให้เป็นรองประธานสภา
แต่ “วิทยา” ไม่เอา เพราะเห็นว่าตัวเองก็แน่เพราะเป็น ส.ส.สี่สมัยเหมือนกัน เป็นขาใหญ่ในกลุ่ม ส.ส.เพื่อไทยพื้นที่ภาคกลาง มีดีกรีเป็นอดีตประธานวิปรัฐบาลมาแล้ว จึงหวังเป็นรัฐมนตรีหากไม่ได้เป็นประธานสภา
ทำให้โผมาเปลี่ยนเอาเกือบห้าทุ่มกว่าคืนวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ “วิทยา” โทร.แจ้ง “เสี่ยเพ้ง-พงษ์ศักดิ์” และแกนนำพรรคว่าไม่ขอรับตำแหน่งรองประธานสภาแต่ขอเป็นรัฐมนตรีแทน ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนหยิบ “วิสุทธิ์” ซึ่งตามข่าวดูแล้ว “ทักษิณ” ก็คงไม่อยากดันขึ้นเป็นรัฐมนตรีมากนัก เลยหาทางออกให้ “วิสุทธิ์” มาเป็นรองประธานสภาแทน
อย่างไรก็ตาม ดูการจัดสรรตำแหน่งการเมืองกันในพรรคเพื่อไทยแล้ว แค่ตำแหน่งประธานสภา-รองประธานสภาเห็นแล้วว่า โฉมหน้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 มีปัญหาแน่นอน ทั้งปัญหาภายในพรรคและปัญหาเรื่องการยอมรับจากสังคม
ดูอย่างกรณี “วิสุทธิ์” พอขึ้นมาเป็นรองประธานสภา มีเสียงวิจารณ์กันหนักกับภาพลักษณ์ความเป็นนปช.แดงและยังมีเรื่องเดิมที่คนยังจำได้กันอยู่กับเรื่องที่ น.ส.วสา เทพเรียน อดีตเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ที่เป็นหน้าห้องของวิสุทธิ์ที่มีชื่อเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น อำเภอบางกรวย นนทบุรีซึ่งมีผู้เสียชีวิต 4 ราย
เพราะ “วสา” ถูกตำรวจสอบสวนพบว่าไปมีชื่อในกรณีโอนเงินให้กับนายกษิ ดิฐธนรัชต์ ผู้ต้องหาคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นที่ “วิสุทธิ์” เป็นคนพานางสาววสาไปมอบตัวกับตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ด้วยตัวเอง
จนถึงขณะนี้ความคืบหน้าของคดีก็เงียบหายไปเฉยๆ ไม่รู้ว่าการสอบสวนไปถึงไหน “นางสาววสา” มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรหรือเป็นผู้บริสุทธิ์ และคดีคงเงียบแน่นอนหลังเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล
ปัญหาเรื่องคนใกล้ชิดว่าที่รองประธานสภาเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนกรานว่าไม่มีปัญหา ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว เพราะถ้าบอกว่ามีปัญหา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนเสนอชื่อ “วิสุทธิ์” เป็นรองประธานสภา ก็ซวยแน่