เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 วันนี้ (1 ส.ค.) สำหรับ จตุพร พรหมพันธุ์ คงต้องลุ้นระทึกว่า กกต.จะให้การรับรองเป็น ส.ส.หรือไม่ เพราะถือว่ามี “ความหมาย” มากกว่าใคร เพราะหากได้รับไฟเขียว นอกจากมีเก้าอี้ในสภาผู้แทนฯ ยังได้ลุ้นตำแหน่งการเมือง “รองก้น” แล้ว ที่สำคัญยังหมายถึงว่าคดีอาญาสารพัดที่ติดตัวอยู่เป็นพรวนจะต้องถูกระงับชั่วคราว โดยใช้เอกสิทธิ์ “คุ้มกลาหัว” นี่แหละถึงได้บอกว่า เป็นวันชี้เป็นชี้ตายกันเลยทีเดียว
00 นาทีนี้สำหรับ “เพื่อนพ้องน้องพี่” เมื่อดูจากสัญญาณที่แสดงออกมาให้เห็นมันก็เหมือนกับการ “ลอยแพ” กันเห็นๆ น้ำเสียงก็ดูเบาลงอย่างเห็นได้ชัด สังเกตได้จาก การตบเท้าเข้ารายงานตัวที่สภาผู้แทนฯ ของบรรดา “หัวโจกเสื้อแดง” ไม่ว่าจะเป็น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหวง โตจิราการ ก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นต้น และยิ่งได้ยินคำให้สัมภาษณ์หลังรายงานตัวของ ณัฐวุฒิ ที่สภา บอกในทำนองว่าทุกอย่างเป็นตามขั้นตอน หากวันนี้ (1 ส.ค.) ยังไม่รับรอง จตุพร ก็จะฟ้อง กกต. ฟังดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรให้ตื่นเต้น ทำให้เข้าใจเหมือนกับว่า “ติดคุกให้สบายนะเพื่อน” หรือลาก่อน อะไรประมาณนั้น
00 ต้องบอกว่าคำพูดของ สดศรี สัตยธรรม ที่นำเรื่องถูก “กุ๊ยเสื้อแดง” บางคนโทรศัพท์ขู่ฆ่า แล้วมาโยงกับกองทัพ เพราะมันไม่สวย และไม่สมเหตุสมผล เพราะการที่บอกว่าหาก กกต.ถูกทำร้าย ถูกฆ่าก็จะเกิดการปฏิวัติ และ “พลิกผัน” พรรคเพื่อไทย กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่ได้เป็นนายกฯหญิง แม้มันอาจเป็นไปได้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้น แต่อีกด้านหนึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับกองทัพมากเกินไปหน่อย และที่สำคัญชะตากรรมของ จตุพร ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจด้วยหลักการของ กกต.ทั้ง 5 คนมากกว่า ไม่ต้องไปโยนใส่คนอื่นให้มั่ว และทางที่ดีที่สุด ก็คือให้ “หุบปาก” แล้วก้มหน้าทำงานก็จะดีไม่น้อย
00 ส่วนรายนี้ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย คิดว่าถึงเวลาต้องเลื่อนชั้นแล้ว หากไม่ได้เป็นประธานสภาผู้แทนฯ ก็ขอบายไปขอลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีดีกว่า เพราะจะให้ทนนั่งเก้าอี้รองประธานสภาแบบลอยๆ อีกรอบคงไม่ไหว อีกทั้งเมื่อประเมินเสียงรองข้างแล้วรู้ว่าถูกพลัง “ก๊วนอีสาน” รวมพลังเบรกแล้วดัน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ขึ้นมาแทน ดังนั้นการประกาศถอนตัวในนาทีสุดท้ายของ อภิวันท์ จึงออกมาในลักษณะ “ยอมแพ้” อย่างที่เห็น
00 สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงเวลาสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ชายแดนใต้เริ่มทวีความรุนแรงเข้าขั้นดุเดือดเรื่อยๆ แม้จะเป็นช่วง “ถือศีลอด” ของพี่น้องชาวมุสลิมก็ตาม ที่ผ่านมาก็ถือว่า “หนัก” มาเรื่อยๆ ทั้งการลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจ ในเมือง มุ่งเป้าไปที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่โดยตรง งานนี้จะเป็น “การบ้านยาก” ที่รอ รัฐบาล “ปู 1” ลงมาสะสาง มองอีกมุมหนึ่งมันก็ย้อนกลับมาให้แก้ไข เหมือนกับ “วงรอบ” ย้อนกลับมา หลังจากในยุคของ ทักษิณ ชินวัตร เคยราดน้ำมันเอาไว้ในเหตุการณ์ “ตากใบ-กรือเซะ” นั่นไง !!