“ชูวิทย์” ขอทำหน้าที่นำทัพฝ่ายค้านแทน ปชป.หลังยังแย่งเก้าอี้ กก.บห.กันไม่เลิก แขวะ “เนวิน” เก่งการเมือง แต่อ่อนเลือกตั้ง ซัด “เจ๊ปู” อย่าแอ๊บ อ้างอำนาจแต่งตั้ง ครม.อยู่ที่ตัวเอง เหน็บถ้าจะมีการจัด ครม.สัญจรที่ดูไบ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก พร้อมจี้ยกเครื่่องมาตรฐาน กกต.ใหม่ กังขาทุจริตกันโจ่งครึ่ม แต่้ให้ใบเหลืองแค่ 2 เตือนคนไทยใกล้ถึงยุค “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม”
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงว่า ทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งเช่นเดียวกับปี 2547 ที่แพ้พรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็จะแย่งชิงอำนาจการเมืองกันภายในพรรคกันอย่างฝุ่นตลบ เหมือนการเลือกเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคคนใหม่ และแม้จะอ้างว่าเป็นพรรคที่มีประชาธิปไตยสูง จัดตั้งมาอย่างยาวนา เป็นสถาบัน แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังทำตัวเองเหมือนพรรคการเมืองทั่วไป ไม่ได้แปลกอะไร ดังนั้นพรรคตนซึ่งเป็นฝ่ายค้าน แม้จะมี 4 เสียง แต่ก็ถือว่าเป็นพรรคที่มีเสียงเป็นลำดับที่ 3 ก็ต้องขอทำหน้าที่แทน
“ชูวิทย์ขอทำหน้าที่แทน เพราะอันดับสองพรรคภูมิใจไทย ตัวอยู่ฝ่ายค้าน แต่ใจอยู่รัฐบาล ตอนหาเสียงก็รู้ว่าหารูปหัวหน้าพรรคไม่ได้ ก็ใส่รูปนักกีฬาเข้าไป ส่วนคุณเนวิน (ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย) แกเก่งเรื่องการเมือง แต่ไม่เก่งการเลือกตั้ง”
นายชูวิทย์ กล่าวโจมตีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องกินปูนร้อนท้อง เพราะที่ผ่านมามีข่าวว่าที่พรรคเพื่อไทยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีอำนาจตั้ง ครม. และประธานสภาอย่างเต็มที่ แต่ตนขอถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายยงยุทธ มีอำนาจจริงหรือไม่ หรือกรุณาตอบว่ามีใครมีอำนาจในการตั้ง ครม. ก.กลุ่มก๊วนในพรรคร่วม ข.กลุ่มทุน กลุ่มทหาร ค.กลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือญาติ หรือ จ.ถูกทุกข้อ หรือว่าตอบว่าสถานที่ใด้เป็นสถานที่จัดตั้งรัฐบาล 1.ตึกชินวัตร 3 2.บ้านจันทร์ส่องหล้า 3.นครดูไบ และ 4.บ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์
“ขอให้ คุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย อย่าโกหกประชาชนว่าอำนาจอยู่ที่ตัวเอง ไม่เช่นนั้น ก็ไปถามนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ว่าเดินทางไปดูไบทำไม ก็จะรู้คำตอบว่าตัวจริงเสียงจริงในการตั้งครม.ต้องผ่านมือใคร ดังนั้นขอให้อย่าโกหกชาวบ้าน ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ทั้งนี้ หากมีการจัด ครม.สัญจรที่ดูไบ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพรรคเพื่อไทยได้คะแนน 14-15 ล้านเสียง ขอให้พรรคเพื่อไทยยอมรับเพื่อให้การเมืองได้ชัดเจนและสะอาด”
นายชูวิทย์ กล่าวถึงการทำงานของ กกต.ว่า การเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองของ ส.ส.500 คน เป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องไปอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่งตั้งประธานสภา แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ ส.ส.ทั้ง 500 คน กลับตกอยู่ในกำมือของ กกต.เพียง 5 คน
“ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง และควรจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ในเรื่องวาระของ กกต.และกระบวนการสรรหา กกต.หรือมาตรฐานของ กกต.ซึ่งแต่ละชุดก็มีมาตรฐานต่างกัน เช่นชุดแรกมีมาตรฐานสูง ส่วนชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ กลับมาตรฐานต่ำ ผมก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะ กกต.เป็นที่คาดหวังทางสังคมอยู่สูง”
นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ กกต.ให้ใบเหลืองมีการเลือกตั้งใหม่เพียง 2 คน แต่ตนอยากเสนอให้มีการตรวจสอบกระบวนการทำงานของ กกต.ให้บริสุทธิ์ เพราะขณะนี้มีการปล่อย ส.ส.95% เดินเข้าสภาไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า สังคมตั้งความหวังกับกกต.ทั้ง 5 คนสูงเกินไป สูงเกินกว่า กกต.จะรับได้ ซึ่งการเลือกตั้งปี 2554 มีการซื้อเสียงอย่างสูง แต่ผลลัพธ์มีการให้ใบเหลืองแค่ 2 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ ขอให้คนไทยรู้ว่าในอนาคตอันใกล้ กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม คำโบราณเขาบอกว่าคนชั่วจะปกครองบ้านเมือง ส่วนคนดีจะตกอับ