“เจ๊สด” ตั้ง คกก.ฟันอาญา กกต.รับสินบน-ตัดสิน “ตู่-เต้น-พรทิวา” พรุ่งนี้

กกต.ยังไม่ประกาศรับรอง ส.ส.เพิ่ม ยกคำร้องคัดค้าน 20 กว่าสำนวน เตรียมพิจารณาเรื่อง “ตู่-เต้น-พรทิวา” พรุ่งนี้ (26 ก.ค.) พร้อมตั้งอนุ กก.สอบคนใน กกต.ออกรอบตีกอล์ฟกับนักการเมือง ลั่นจับตัวได้เจอคดีอาญาแน่ แย้มพิจารณารับรองรอบสุดท้าย 27 ก.ค.นี้ ลุ้นได้ ส.ส.ครบ 475 คนเพื่อเปิดสภาฯ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประชุม กกต.นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนต่างๆ โดยนางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่าที่ประชุมยังไม่มีการประกาศรับรอง ส.ส.รอบที่สี่เพิ่ม แต่ได้มีการพิจารณายกคำร้องสำนวนไปกว่า 20 เรื่อง เช่น กรณีร้องนายศิริโชค โสภา ว่าที่ ส.ส.เขต 7 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กรณีนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ว่าที่ ส.ส.เขต 1 พระนครศรีอยุธยา พรรคชาติไทยพัฒนา กรณีร้องนายเรวัต อารีรอบ ว่าที่ ส.ส.เขต 2 ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้โดยบางเรื่อง กกต.ไม่ได้รับพิจารณาตั้งแต่ต้น ส่วนการประกาศรับรองส.ส.ที่เหลือเพื่อให้ครบร้อยละ 95 (475 คน) คาดว่าการประชุม กกต.วันที่ 27 ก.ค.จะมีการพิจารณาเพื่อประกาศรับรองเพิ่ม แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ครบตามกำหนดหรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่ายังมีเวลาพิจารณาประกาศรับรองในวันสุดท้าย คือวันที่ 27 ก.ค.นี้ เพื่อให้ทันตามกรอบรัฐพิธีเปิดประชุมสภา

นางสดศรีกล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กกต.มีการพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านว่าที่ ส.ส.จังหวัดชลบุรี พรรคพลังชล ซึ่ง กกต.จังหวัดเสนอให้ใบเหลือง หรือเลือกตั้งใหม่ เพราะถูกกล่าวหาซื้อเสียง เนื่องจากมีหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายวิดีโอการซื้อเสียง ทั้งนี้ กกต.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าอาจจะมีการตัดต่อและใส่ร้ายกัน จึงสั่งให้กกต.จ.ชลบุรีสอบสวนพยานเพิ่มเติม ส่วนกรณี มีการพูดคุยถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า มีว่าที่ ส.ส.วิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกกต.เพื่อให้หลุดคดีร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งนั้น ถือว่าทำให้ กกต.เสียหาย จึงมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าว โดยมีนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เป็นประธาน ซึ่งจะต้องสืบสวนในเบื้องต้นว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ กกต.ที่ปรากฏในข่าวเป็นใคร แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัญหาติดอยู่ที่ว่ายังไม่มีใครร้องเรียนต่อ กกต.

อย่างไรก็ตามหากสอบสวนแล้วมีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะมีความผิดทางวินัย และจะต้องดำเนินคดีอาญากับบุคคลนั้น แต่หากบุคคลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับสำนวนที่ กกต.ยังไม่พิจารณาก็จะมีการทบทวนในสำนวนนั้นใหม่ หรือถ้าสำนวนใดผ่านการพิจารณาของ กกต.ไปแล้วและกกต.มีมติรับรอง ส.ส.ไปแล้ว กกต.ก็สามารถดึงสำนวนดังกล่าวกลับมาพิจารณาได้อีก เพราะ กกต.ไม่ใช่ศาล จึงสามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้ ซึ่งต้องดูว่ามีการปกปิดข้อมูลหรือหลักฐานอะไรหรือไม่

นางสดศรีกล่าวว่า สำหรับการพิจารณาวันที่ 26 ก.ค.นี้ คาดว่าจะมีการนำสำนวนสอบสวนของแกนนำ นปช.ที่เหลืออย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าสู่การประชุมเพื่อประกาศรับรองด้วย ส่วนสำนวนคำร้องของนางพรทิวา นาคาศัย ว่าที่ ส.ส.เขต 1 จ.ชัยนาท และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้เสนอเข้าพิจารณาเนื่องจากมีหลายคำร้องทั้งการซื้อเสียง และการจัดมหกรรมสินค้าราคาถูกหรือธงฟ้า ร่วมกับนายกรัฐมนตรี ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ โดยคาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมพิจารณาในวันที่ 26 ก.ค.เช่นกัน

ทั้งนี้ บรรยากาศการรายงานตัวของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นวันที่ 12 ที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดให้ ส.ส.ใหม่ที่ได้ใบรับรองจาก กกต.มารายงานตัว มี ส.ส.มารายงานตัว 5 คน คือ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ซึ่งมารายงานตัวเป็นคนแรกของวันนี้ ตามด้วยนายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถ มะลูลีม ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ ยอด ส.ส.ที่มารายงานตัวล่าสุดมีจำนวนทั้งสิ้น 368 คน จากที่กกต.รับรองทั้งหมด 402 คน ยังเหลือ ส.ส. ที่ยังไม่มารายงานตัวอีก 34 คน‬ ส่วนการจะเปิดประชุมสภาฯได้ กกต.จำเป็นต้องรับรอง ส.ส.ครบ 475 คน หรืออีก 73 คน เพื่อให้ ส.ส.ครบตามจำนวนกฎหมายกำหนด ภายในวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม เพื่อให้มีเวลาประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเปิดประชุมรัฐสภา