ประธาน ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์งงถูก กกต.แขวน ยันไม่เคยสั่ง อสมท ห้ามเสนอข่าวบางพรรค โอ่ไม่หนักใจข้อกล่าวหา ชี้อำนาจไม่สามารถทำได้ ลั่นพร้อมแจง ฝากแกนนำเผาเมืองจอมขู่ กกต.ไม่ควรกดดัน ชี้ส่อปัญหาบานปลาย รับวิตกผลแจกใบเหลืองใบแดงเปลี่ยน ติง “ไอ้เต้น” อย่าตีตนไปก่อนไข้ แฉบางพวกทำต่างชาติเข้าใจผิดในกระบวนการยุติธรรมไทย
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ในฐานะประธาน ส.ส.กทม. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งแขวนรายชื่อยังไม่ให้เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งว่า ที่ผ่านมายังไม่ทราบข้อกล่าวเลยว่า กกต.กล่าวหาอย่างไร มีแต่ทราบจากสื่อเท่านั้นว่าไปแทรกแซงการทำงานของ อสมท ระหว่างที่มีการเลือกตั้ง โดยยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา หรือคำร้องอย่างเป็นทางการจาก กกต.แต่อย่างใด ปกติ กกต.จะต้องแจ้งให้ผู้ถูกร้องไปชี้แจง แต่ถึงวันนี้ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับทราบหรือรับแจ้งจาก กกต.แต่อย่างใด อย่างกรณีที่กล่าวหาว่าตนไปสั่งการให้ อสมท เชิญหรือไม่ให้เชิญพรรคการเมืองใดมาออกรายการโทรทัศน์ หรือไม่เสนอข่าวนั้น ยืนยันว่าไม่เคยสั่งการใดๆ ไปยัง อสมท ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแต่อย่างใด โดยเฉพาะการให้ความเป็นหรือไม่เป็นธรรมต่อพรรคการเมือง และตนไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการบริหารตามปกติของ อสมท และไม่รู้สึกหนักใจต่อข้อกล่าวหา
“การที่ อสมท จะเชิญผู้สมัครคนใด พรรคการเมืองใดมาออกรายการเป็นดุลพินิจของ อสมท และโดยส่วนตัวพร้อมที่จะไปชี้แจงต่อ กกต. ที่ผ่านมาผมยังไม่ทราบว่าใครร้องเรียนและข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรด้วย แต่ถ้า กกต.ได้พิจารณาในแง่ของกฎหมายในเรื่องอำนาจของรัฐมนตรีที่ดูแลการทำงานของ อสมท จะเห็นได้ชัดว่า ผมคงไม่สามารถที่จะไปสั่งการใดๆ ได้” นายองอาจกล่าว
นายองอาจยังกล่าวด้วยว่า อยากจะฝากไปถึงบรรดาผู้สมัคร ส.ส.ที่ยังไม่ได้การรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาข่มขู่กดดัน กกต. โดยเฉพาะผู้สมัครที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงว่า ไม่ควรที่จะออกมากดดันหรือข่มขู่ กกต.ที่เป็นองค์กรอิสระที่จัดการเลือกตั้ง เพราะการรับรอง ส.ส.ยังมีเวลาที่ กกต.จะพิจารณาว่าจะรับรองหรือไม่ เพราะเมื่อมีคำร้อง กกต.ก็ต้องใช้เวลาในการทำงาน เมื่อยังไม่ได้รับการรับรองแต่ออกมาข่มขู่ กกต.เพื่อให้รับรองตัวเองนั้นถือว่าเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง วิธีการข่มขู่แบบนี้จะนำไปสู่ปัญหาที่บานปลายในปัจจุบันมากกว่าที่เป็นอยู่ และคิดว่าตรงนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ตามมาด้วย อยากจะบอกไปถึงผู้ที่ถูกร้องและยังไม่ได้รับการรับรองว่าต้องให้โอกาสในการทำงานของ กกต.อย่างเต็มที่เพื่อให้การพิจารณาออกมาอย่างถูกต้องเป็นธรรม สุจริตและโปร่งใส
เมื่อถามว่า การกดดันของคนเสื้อแดงจะส่งผลต่อการให้ใบเหลืองและใบแดงหรือไม่นั้น นายองอาจกล่าวว่า อยู่ที่การพิจารณาของ กกต. และ กกต.ไม่ควรทำงานภายใต้การข่มขู่ หรือการกดดัน แต่ควรทำงานเพื่อได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายมากที่สุด ส่วนจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ตนมีความวิตกกังวล เพราะเราต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาองค์กรอิสระบางองค์กรมีความเกรงกลัวต่อการข่มขู่ของกลุ่มบุคคลต่างๆ เพราะฉะนั้น กกต.ต้องทำงานโดยไม่ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อถามว่าการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวอ้างสำนักข่าวต่างประเทศที่ออกมากล่าวว่าหาก กกต.ไม่รับรองผลการเลือกตั้งจะเหมือนเป็นการรัฐประหารทางกฎหมายนั้น นายองอาจกล่าวว่า ตอนนี้เราอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เรายังต้องให้เวลา กกต.ในการทำงานเพราะกรอบเวลายังมีอยู่
เมื่อถามต่อว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดในต่างประเทศหรือไม่ เกี่ยวกับกฎหมายไทยในต่างประเทศที่อาจจะมากดดันนั้น นายองอาจกล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าที่ผ่านมามีบุคคลจำนวนไม่น้อยที่พยายามไปสร้างความเข้าใจผิดในต่างประเทศเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของไทย ถึงขนาดโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะตรงนี้ก่อให้เกิดปัญหาต่อประเทศไทยอย่างมาก มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดในเนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมายและกล่าวให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมของไทยอย่างต่อเนื่อง ใครที่ทำก็ควรจะต้องยุติการกระทำ เพราะไม่เพียงทำลายกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น แต่ได้ทำลายความเชื่อถือของประเทศไทยด้วย และทาง กกต.เองก็ควรเป็นผู้ชี้แจงให้ต่างประเทศได้เข้าใจด้วยว่ากระบวนการทำงานของ กกต.เป็นอย่างไร เพราะกกต.แต่ละประเทศทำงานไม่เหมือนกัน