xs
xsm
sm
md
lg

“สุนันท์” ชี้ประชานิยม คนทำได้หน้า ไม่เกิน 10 ปี ลูกหลานรับกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุนันท์ ศรีจันทรา
“สุนันท์” เชื่อสายไปนิดหากช้อนหุ้น บวกมาสามวันติดอาจแกว่งตัวเล็กน้อย ชี้นโยบายยกเลิกกองทุนน้ำมัน สินค้าต่างๆ จะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่จะตัดวงจรขึ้นแล้วไม่ค่อยลงได้ ไม่มั่นใจค่าแรงขั้นต่ำนายจ้างรายย่อยจะทำได้ เตือนนโยบายลดแลกแจกแถม ไม่เกิน 10 ปี ประเทศล่มสลาย ปัญหาการปล้น ลักเล็กขโมยน้อยจะตามมามากมาย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว” 

วันที่ 4 ก.ค. นายสุนันท์ ศรีจันทรา สื่อมวลชนอาวุโส ได้รับเกียรติให้เป็นแขกรับเชิญในรายการเคาะข่าวเศรษฐกิจ ออกอากาศทางสถานีเอเอสทีวี ทีวีของประชาชน มาวิเคราะห์ถึงสภาวะตลาดหุ้น และใครได้ใครเสียหากยกเลิกกองทุนน้ำมัน โดยนายสุนันท์กล่าวว่า นักลงทุนประเมินแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลสดใส แม้การเมืองจะนิ่งในช่วงสั้นๆ แต่ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ทำให้บรรยากาศซื้อขายหุ้นร้อนแรง ดีดตัวกว่า 50 กว่าจุด มูลค่าการซื้อขายหลายหมื่นล้าน หากมองแนวโน้มในช่วง 3 เดือน ตนว่าตลาดหุ้นยังดี หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับการบริหารงานของรัฐบาล อย่างไรก็ดีปัจจัยชี้นำของตลาดหุ้น ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐฯ ด้วย หากเขามีปัญหาต่อให้การเมืองเราสดใสอย่างไรก็ได้รับผลกระทบอยู่ดี

“หุ้นในกลุ่มชินคอร์ปขึ้นยกแผง แต่ก็จะเป็นไปตามหลักสัจธรรม วันนี้หุ้นขึ้นแรงเพื่อรอจังหวะเทขายทำกำไร เมื่อขึ้นร้อนแรงมากๆ เกินไป ปฎิกริยาตอบสนองคนจะเริ่มทิ้งหุ้น ดังนั้น สำหรับสถานการณ์พรุ่งนี้ หากซื้ออาจสายไปนิด เพราะหุ้นบวกมา 3 วันติด ก็อาจแกว่งตัวเล็กน้อย”

นายสุนันท์กล่าวถึงสัญญานโยบายยกเลิกกองทุนน้ำมันของพรรคเพื่อไทยว่า หากทำจริงถึงระยะหนึ่งราคาน้ำมันต้องปรับเข้าสู่กลไกตามกลไกตลาดโลก น้ำมันดีเซลจากเคยตรึงราคาไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร อาจพุ่งขึ้นเป็นราคา 36 บาทต่อลิตร จะเกิดภาวะเงินเฟ้อสินค้าต่างๆ จะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว

แต่หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งก็มีข้อดีอยู่บ้าง หากราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้นเราขึ้นตาม เขาลงเราลง ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมาขึ้นแล้วไม่ค่อยลง และเมื่อน้ำมันแพงคนก็ประหยัดการใช้ ทำให้ไทยเสียเงินไปซื้อน้ำมันต่างประเทศน้อยลง อย่างไรก็ดี หากปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ตนขออย่างเดียวขอให้เป็นไปตามกลไกจริง เพราะน้ำมันมีหลายค่าย เช่น ปตท. บางจาก เอสโซ่ ซึ่งปกติต้องแข่งราคากันเนื่องจากแต่ละค่ายต้นทุนน้ำมันนำเข้าแตกต่างกัน แต่ตนไม่เข้าใจทำไม หากมีค่ายหนึ่งขยับราคาขึ้น ค่ายอื่นๆ จะต้องปรับราคาตามให้เท่ากัน เมื่อกระทรวงพลังงานถือเป็นแหล่งขุมทรัพย์มหาศาล ตนฟันธงได้เลย ว่าตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เน้นกระทรวงพลังงานอย่างเดียว เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญในช่องทางเรื่องนี้มาก

นายสุนันท์กล่าวว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำทันที 300 บาทต่อวัน แม้จะลดภาษีให้ผู้ประกอบการ แต่ตนไม่มั่นใจว่าผู้ประกอบการจะทำได้หรือไม่ น่าเป็นห่วงกับบรรดาเอสเอ็มอี รายย่อย เพราะส่วนใหญ่ใช้แรงงานมากกว่าการผลิตโดยเครื่องจักร ซึ่งไม่ค่อยมีกำไรอยู่แล้ว แล้วเขาจะจ่ายอย่างไรไหว อีกอย่างระหว่างปรับค่าแรง ตนกลัวว่าสินค้าต่างๆจะขึ้นราคาไปรอก่อนแล้ว เท่ากับขึ้นค้าจ้างไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เรื่องนี้ก็ต้องดูกันต่อไปพรรคเพื่อไทยจะทำได้ตามที่ประกาศหรือไม่

ในขณะที่ฐานะประเทศยังย่ำแย่อยู่ นักการเมืองยังผุดนโยบายประชานิยม ลด แลก เจก แถมทั้งหลาย เท่ากับใช้เงินในอนาคตของลูกหลาน รายได้เข้ารัฐน้อยแต่รายจ่ายเพิ่ม ทำให้เกิดภาวะขาดดุล ทำให้หนี้สินสาธารณะเพิ่มขึ้น หากใครเข้ามาเป็นรัฐบาล มุ่งแต่ใช้นโยบายนี้ เพื่อเกทับกันหวังเพียงแค่ได้หน้า ท้ายที่สุดจะเป็นดินพอกหางหมู เมื่อพอกมากๆ แล้วหมูจะเดินไม่ไหว หากใช้นโยบายนี้ต่อไปไม่เกิน10 ปี เราจะเดินไปสู่ความย่อยยับ การร่มสลายจะวิกฤติรุนแรงกว่า ปี 40 ปัญหาการปล้น ลักเล็กขโมยน้อยจะตามมามากมาย

“ใครจะมาเป็นทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยก็แล้วแต่ ล้วนถูกกำหนดกรอบความคิด ตามนโยบายพรรคไว้แล้ว ดังนั้น มุมมองนโยบายเศรษฐกิจในมิติใหม่ๆ เช่นเศรษฐกิจพอเพียง จึงคาดหวังได้ยาก” นายสุนันท์กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น