กกต.ส่งเรื่องย้าย ผว.-ผบก.สุรินท์ ให้ ผบ.ตร.และปลัด มท.เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม กรณีวางตัวไม่เป็นกลาง ศอส.รับเรื่องร้องเรียนพบ จนท.วางตังไม่เป็นกลางอื้อ มท.ติดอันดับแรก
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ประชุม กกต.ยังพิจารณาคำร้องการโยกย้ายนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทราบแก้ว ผบก.จว.สุรินทร์ในฐานะที่เป็นอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต.ให้ออกจากพื้นที่ เนื่องจากวางตัวไม่เป็นกลาง และในคำร้องมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายที่นายชัย ชิดชอบ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย สวมเสื้อระบุหมายเลขของพรรค ร่วมนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดสุรินทร์ โดยในรูปถ่ายเต็มไปด้วยความชื่นมื่น กรณีดังกล่าวไมี่มีหลักฐาน หรือรายละเอียดอื่นนอกจากรูปถ่าย แต่หากมองแล้วก็จะเห็นได้ว่ารูปถ่ายดังกล่าวมีความเป็นไปได้ถึงความเข้าใจได้ว่าอาจมีการวางตัวไม่เป็นกลางได้ โดย กกต.ไม่ได้มีความเห็นในเรื่องดังกล่าวให้เป็นดุลพินิจของผู้บังคัญบัญชาของทั้งสองหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม ยอดสรุปการร้องเรียนและการแจ้งเบาะแส นับแต่วันที่ 23 พ.ค.ที่มีเข้ามาถึงวันนี้ (29 มิ.ย.) มีจำนวน 434 เรื่อง แต่สามารถรับเป็นเรื่องร้องคัดค้านจำนวน 119เรื่อง
ทั้งนี้ ได้มีการยื่นคำร้องผ่านศูนย์อำนวยการสืบสวนสอบสวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ศอส.) ทั้งในส่วนกลาง และผ่าน กกต.จังหวัด ปรากฏว่ามีกรณีของการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งแบ่งเป็นการร้องคัดค้านกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง 18 คำร้อง โดยเป็นคำร้องในส่วนของกระทรวงมหาดไทย 11 คำร้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5 คำร้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 คำร้อง กระทรวงศึกษาธิการ 1 คำร้อง กรมประชาสัมพันธ์ 1 คำร้อง กระทรวงกลาโหม 1 คำร้อง
นอกจากที่มีการยื่นคำร้องแล้วยังการแจ้งเบาแสทางโทรศัพท์ เรื่องอีกจำนวนหนึ่งที่ได้มีการแจ้งเบาะแสเข้ามาผ่านทางสายด่วน 1171 และโทรศัพท์ของ ศอส. 0-2141-0845 ถึง 51 และ 0-2141-9470 ถึง 74 ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกรณีที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลางอีกจำนวน 25 เรื่อง โดยจำแนกเป็นของกระทรวงมหาดไทย 16 เรื่อง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 1 เรื่อง กระทรวงศึกษาธิการ 3 เรื่อง กระทรวงกลาโหม 2 เรื่อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวทั้งที่มีการแจ้งเบาะแส และยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามา ศอส.ก็จะไปดำเนินการตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริง และหากพบการกระทำที่เข้าข่ายที่ชัดเจน ก็ส่งให้ กกต.พิจาณาต่อไป และกรณีวางตัวไม่เป็นกลางก็มีโทษทางวินัยและอาญาด้วย