โฆษกเพื่อไทย นั่งไม่ติด “มาร์ค” ตะเพิด “ยิ่งลักษณ์” แสดงภาวะผู้นำ หยุดแก๊งแดงป่วนการหาเสียง ถลกหนังให้ดูความล้มเหลวของตัวเองในการบริหารประเทศก่อน เอาแล้วอ้างประชาธิปไตย ปชช.ย่อมมีสิทธิในการแสดงออก ใครจะไปสั่งห้ามความคิดเห็นคนอื่นไม่ได้
วันนี้ (19 มิ.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ให้แสดงความเป็นผู้นำ โดยการให้สั่งคนเสื้อแดงหยุดป่วนการหาเสียง ว่า การแสดงออกของประชาชนในการแสดงความรู้สึกกับการบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ เป็นเรื่องธรรมดา
แม้แต่ นางสาวยิ่งลักษณ์ เอง เวลาลงพื้นที่ก็มีการชูป้ายโหวตโน และการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์เช่นกัน แต่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง แต่ นายอภิสิทธิ์ กลับถือเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งที่ 2 ปีกว่าในการบริหารประเทศ ก็มีผลกระทบต่อประชาชน ทั้งในเรื่องข้าวของแพง และเหตุการณ์สลายการชุมนุม ทำให้มีคนตายถึง 91 ศพ ประชาชนก็ต้องแสดงความรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา แต่เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ พยายามโยงมาที่นางสาวยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ตนเองมองว่า เรื่องนี้พยายามหาแพะ และเป็นการเรียกคะแนนสงสารมากกว่า
จึงขอเรียกร้องว่า ถ้าคิดว่าเป็นผู้นำประเทศ ควรต้องทำใจยอมรับความคิดเห็นของประชาชนและนำเสนอนโยบายให้ประชาชนยอมรับมากกว่าโยนบาปให้คนอื่น วันนี้ถือว่านโยบายปรองดองของนายอภิสิทธิ์ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และขอให้ยุติการเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยสั่งให้คนเสื้อแดงหยุดป่วน
เพราะประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยการแสดงออกของประชาชนใครก็สั่งไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ และประชาชนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือผู้สมัครเลือกตั้ง และถ้าใครทำผิดก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย
ส่วนกรณีที่ออกมาระบุว่า พรรคเพื่อไทยต้องการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่จริง เป็นเกมการเมืองที่ต้องการกล่าวหาพรรคเพื่อไทย ให้เสียคะแนนนิยม ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย พูดชัดเจนว่า จะไม่มีการนิรโทษกรรมให้คนๆ เดียว ส่วนการนิรโทษกรรมเป็นนโยบายเพื่อให้ความปรองดองเกิดขึ้นเท่านั้น
เพราะฉะนั้น นายอภิสิทธิ์ ควรหยุดการกล่าวหาพรรคเพื่อไทย ที่จะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยขอให้เปลี่ยนมุก เพราะเป็นมุกเก่า ควรมานั่งคิดนโยบายใหม่ๆ ในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อเสนอให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี และหันมาแก้ปัญหาเรื่องความปรองดองอย่างแท้จริง