xs
xsm
sm
md
lg

เทือก-มาร์ค โหมคำขู่ “ไม่เลือกเรา แม้ว มาแน่” แล้วไง !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พอเริ่มเดินมาไกล เห็นชะตากรรมรออยู่ข้างหน้ารำไร หลายคนก็เริ่มออกอาการผิดปกติออกมา มีทั้งประเภทอยู่ไม่เป็นสุข บางคนเริ่มกล่าวโทษคนอื่นหาว่าทำให้ตัวเองพ่ายแพ้ล้มเหลว หรือใช้วิชามารให้ร้ายทำลายอีกคนหนึ่งว่าเป็นต้นเหตุ โดยที่ไม่ได้หันกะโหลก ชะโงกดูเงาของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่สภาพเท่าที่เห็นเวลานี้ล้วนมาจากตัวเองเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น

แทนที่จะฟูมฟายเที่ยวโทษคนอื่นน่าจะก้มหน้ารับชะตากรรมจะดีกว่า !!

การออกมาพูดในทำนองว่า “หากพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้การเลือกตั้งหลุดลุ่ย พร้อมยกบ้านเมืองให้กับกลุ่มเสื้อแดงบริหาร” มองอีกมุมหนึ่งเหมือนกับการยอมรับกติกายอมรับความพ่ายแพ้โดยดุษฎีไม่มีปัญหา แต่อีกด้านหนึ่ง นี่คือ “คำขู่”แบบไม่ธรรมดา ไม่ต่างจากวาทะที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้คือ “ไม่เลือกเราเขามาแน่” อะไรประมาณนั้น

ขณะที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เอ่ยวาทะเปรียบเปรยต่อกรณีที่ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาให้ความเห็นในเรื่องที่ แก้วสรร อติโพธิ และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เคลื่อนไหวให้ดำเนินคดีกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำนองเป็นคนของประชาธิปัตย์ว่า

“ถ้าคิดแบบนี้ เดี๋ยวคนก็ถามคุณสนธิ บ้างว่า กลับไปอยู่กับคุณทักษิณ แล้วหรือเปล่า ถึงมาพยายามให้คนที่ไม่เอาคุณทักษิณ แล้วโหวตโน ถ้าเกิดถามก็วุ่นวายไปกันใหญ่ อย่าไปจินตนาการมากไปเลยครับ”

ตามมาด้วยความเห็นของ สุเทพในเรื่องเดียวกันว่า “ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณสนธิ ผมไม่ชี้แจงอะไรกับคุณสนธิ คุณสนธิก็ด่าผมฟรีๆ มาตลอด แต่ผมไม่อยากจะทะเลาะด้วย แต่ว่าวันหนึ่งคุณสนธิจะต้องตอบกับประชาชนว่า เมื่อก่อนชวนคนมาต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อต้านระบอบทักษิณ แต่วันนี้มาพูดจาเข้าข้างคุณยิ่งลักษณ์ แล้วมีอะไรหรือเปล่า คุณสนธิต้องไปตอบคำถามประชาชนเอาเอง”

อย่างไรก็ดีหากเห็นบรรยากาศช่วงการหาเสียงและผลโพลล์ที่ทยอยออกมาทุกสัปดาห์ มันก็ย่อมเข้าใจอารมณ์ของ คนพวกนี้ในพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีกระแส “โหวตโน” ขัดขวางการปล่อยสัตว์เข้าสภา “โดนเข้าไปเต็มๆ” อีกดอก ทำให้เก็บอารมณ์ไม่อยู่

อย่างไรก็ดีหากให้โทษ ก็น่าจะต้องโทษตัวเองดีกว่า เพราะสาเหตุที่เป็นอยู่ เป็นเพราะได้เปิดเผยตัวตนออกมาจนล่อนจ้อน กว่าสองปีหกเดือนที่มีอำนาจในรัฐบาลทั้งสองคน ทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นี่ว่ากันเฉพาะในส่วนความรับผิดชอบของตัวเองล้วนๆ ก็เปล่าเลย ตรงกันข้ามการทำหน้าที่ของพวกเขาที่ไร้ประสิทธิภาพ อ่อนแอ ไร้ภาวะผู้นำ มิหนำบางครั้งยังไปคิดปรองดองกันฝ่ายตรงกันข้ามเสียอีก

ต้องไม่ลืมว่าความเข้มแข็งของขบวนการ ทักษิณ และคนเสื้อแดง รวมไปถึง “ขบวนการล้มเจ้า”ที่เหิมเกริมขยายวงกว้างออกไปจนกระทบเป็นปัญหาความมั่นคงอยู่ในเวลานี้ ส่วนสำคัญไม่ใช่เป็นผลมาจากความไม่เอาไหนของเขาหรือในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล ดูแลความมั่นคง

จะว่าไปแล้วการพูดถึงเรื่องดังกล่าว เหมือนกับการ “ฉายหนังม้วนเดิมๆ” ซ้ำซาก น่าเบื่อ แต่ก็ต้องฉายซ้ำอีก เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเจอกับวิชามารที่มักจะนำมาใช้กล่าวโทษคนอื่นร่ำไป โดยที่ไม่มองความผิดพลาดของตัวเอง

ย้อนกลับไปพิจารณาคำพูดของ สุเทพ ที่บอกว่าหากพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้หมดรูปก็จะยกบ้านเมืองให้พวกคนเสื้อแดงบริหาร นั้น ถือว่าเป็นการข่มขู่ชาวบ้านที่ไม่เข้าใจ หรือลังเล เกิดความหวาดกลัวว่าระบอบทักษิณ จะกลับมา ให้หันมาโหวตเลือกพรรคประชาธิปัตย์กันให้มาก หรือส่งสัญญาณไปถึงพวกที่คิดจะโหวตโนกลับใจหันมาทางประชาธิปัตย์ เลือก อภิสิทธิ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เพื่อป้องกันทักษิณ และคนเสื้อแดง นั่นเอง

คำพูดของสุเทพ ดังกล่าว ถือว่าเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ และที่สำคัญพยายามใช้บ้านเมืองเป็นตัวประกันอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่ว่าจะเป็นไม่เลือกเราเขามาแน่ หรือ หากพ่ายแพ้ก็จะยกบ้านเมืองให้คนเสื้อแดงนั้น มันก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องเป็นแบบนั้น เพราะนี่คือกติกาที่ระบบการเมือง “น้ำเน่า” ที่ตัวเองกำหนดเอาไว้เองไม่ใช่หรือ อีกทั้งที่ผ่านมาเมื่อมีโอกาสแต่ไม่เคยทำอะไรให้ชาวบ้านได้ชื่นใจ ตรงกันข้ามด้วยผลงานที่ไร้น้ำยาดังกล่าวกลับไปสร้างความเข้มแข็งให้กับอีกฝ่าย

สิ่งที่เป็นความอัปยศก็คือที่ผ่านมาตัวเองต้องการคิดเอาตัวรอดจึงทำได้ทุกอย่าง ทำได้แม้กระทั่งการไปสนับสนุนรับประกันให้บรรดา “หัวโจก” คนเสื้อแดงออกมาจากคุก ทั้งที่คนพวกนั้นถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย หลายคนมีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเพิ่งปลุกระดมเผาบ้านเผาเมืองมาหมาดๆ โดยหวังลมๆแล้งๆเพียงว่าเมื่อยื่นไมตรีไปแล้วจะได้รับการปรองดองกลับมา แต่กลายเป็นว่ากลับตาลปัตร เพราะเมื่อออกมาก็เหิมเกริมกว่าเก่า โดยเฉพาะกรณีของ จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดถอนประกันเพราะมีหลักฐานจากคำพูดว่าปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ จนเวลานี้ต้องนอนอยู่ในเรือนจำ

หรือแม้กระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมายังมีสื่อต่างประเทศได้เสนอรายงานข่าวว่า มีหมู่บ้านเสื้อแดงในภาคอีสานหลายพื้นที่ มันก็สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของ “อำนาจรัฐ” อย่างชัดเจน ซึ่งก็ต้องชี้หน้าไปที่ สุเทพ เช่นเดิมในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมัวไปทำอะไรอยู่ เพราะความหมายของการจัดตั้งหมู่บ้านดังกล่าว รับรองว่าไม่ใช่เป็นการรวมกลุ่มกันธรรมดา แต่เป็นความหมายทางการเมืองในเชิงสัญลักษณ์หมิ่นเหม่กระทบต่อความมั่นคงและสถาบันสูงสุดแน่นอน

คำพูดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าหากพ่ายแพ้การเลือกตั้งหลุดลุ่ยก็ต้องปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในมือของคนเสื้อแดง มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะชาวบ้านเขาตัดสินใจกันแบบนั้น ก็ต้องปล่อยไปตามกติกาห่วยๆภายใต้ระบบการเมืองที่เป็นอยู่ มันช่วยไม่ได้จริงๆ

แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีคนที่ไม่ยอมจำนนกับคำขู่ปัญญาอ่อนแบบนี้เหมือนกัน ถึงต้องออกมารณรงค์ “โหวตโน” อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภาอยู่นี่ไง เพราะ “ตาสว่าง” เห็นแล้วว่าไม่ว่าใคร นักการเมือง ซึ่งเป็นเพียงแค่นักเลือกตั้ง นักลงทุนทางการเมืองพวกนี้หลุดรอดเข้าไป มันก็เลวร้ายไม่ต่างกัน และถ้าในที่สุดแล้ว “เขา” คือ ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาจริงๆ ก็ต้องรับโทษตามกฎหมายเหมือนคนทั่วไป ถ้าผิดไปจากนี้ก็ลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น !!


กำลังโหลดความคิดเห็น