ผบ.ตร.เผยหลังถก กกต.รับเลือกตั้งแนวโน้มแข่งขันสูง พร้อมปฏิบัติการเข้ม 3 วันก่อน และ 1 วันหลังหย่อนบัตร จับตาผู้สมัคร 2 กลุ่ม รับเข้มพะเยา เชียงราย พร้อมแบ่งโซนสีเหลือง ส้ม แดง แต่เชื่อไม่รุนแรงมาก ยันปราบยาฯ ไม่ได้ทำเฉพาะพื้นที่แดง ลั่นพร้อมลุย พธม.ขวางปลดป้ายหาก กทม.ร้องขอ ด้าน “ไพโรจน์” บุกร้อง กกต.ซัด “เสธ.ไก่อู” ข่มขู่ ใส่ความเท็จ ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยภายหลังการร่วมประชุมกับคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า เป็นการประชุมร่วมกันเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง ที่เป็นเรื่องปกติที่ก่อนการเลือกตั้งทุกครั้งต้องมีการประชุมหารือกัน และการเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีการแข่งขันกันสูง รวมถึงมีความรุนแรง และมีการเคลื่อนไหวในเรื่องของการซื้อสิทธิขายเสียง และอาวุธสงครามด้วย โดยทาง ตร.จะปฏิบัติการอย่างเข้มข้นในช่วง 3 วันก่อนการเลือกตั้ง และ 1 วันหลังการเลือกตั้ง ซึ่ง ตร.ได้แบ่งผู้สมัครออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้ที่มีความประสงค์จะขอกำลังตำรวจไปคุ้มกัน และกลุ่มที่คาดว่าตนเองจะมีความเพลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้ง และอาจทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้รับชัยชนะ ทาง ตร.ก็ต้องจับดาดูกลุ่มนี้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า พื้นที่จังหวัดที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เช่น จ.พะเยา และ จ.เชียงราย ที่มีการแข่งขันสูง รวมถึงจังหวัดที่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อนก็ต้องมีการจับตามองเป็นพิเศษ โดยจะมีการแบ่งโซนพิ้นที่เป็นสีเหลือง สีส้ม และสีแดง ทั้งนี้ ได้ประสานกับ กกต.เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ กกต.ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ทาง ตร.ได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่รุนแรงมาก เพราะทุกฝ่ายต่างต้องการให้มีการเลือกตั้ง แต่ก็ยืนยันว่าประมาทไม่ได้
เมื่อถามถึงชุดปฏิบัติการโครงการปราบปรามยาเสพติดตามยุทธศาสตร์ (ฉก.ปส.315) พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า กำลังหลักในการดำเนินการเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อมีกำลังไม่เพียงพอจึงประสานในยังเจ้าหน้าที่ทหาร และพลเรือน คือเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แต่หากในการปฏิบัติหน้าที่มีผู้มาขัดขวางก็ต้องปฏิบัติไปตามกฎหมาย ยืนยันว่าชุดเฉพาะกิจดังกล่าวมีหน้าที่หลักในการปราบปรามยาเสพติดเท่านั้น และปฏิบัติในทุกพิ้นที่ กทม. และปริมณทล รวม 5 จังหวัด ยืนยันว่าการดำเนินการไม่ใช่เพียงเฉพาะพื้นที่ของคนเสื้อแดงเท่านั้น
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติปลดป้ายโหวตโนของพรรคเพื่อฟ้าดินว่า ก็ต้องเป็นการดำเนินการของ กกต.กทม. ว่าป้ายดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหรือไม่ และสั่งไปยังเจ้าของพื้นที่ คือ กทม.ให้ปลดป้ายดังกล่าวออก แต่หากเจ้าของป้ายมีการฝ่าฝืนคำสั่งก็มีความผิดทางอาญา และหากมีการขัดขวางการรื้อถอนป้ายของเจ้าหน้าที่กทม. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้าไปดำเนินการได้ทันทีหาก กทม.ประสานเข้ามาขอความช่วยเหลือ
ขณะที่ นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์อำนวยการสืบสวนสอบสวนการเลือกตั้ง ส.ส. (ศอส.) กรณีที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ออกมาระบุผ่านสื่อมวลชนว่าเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 315 ถูกนายไพโรจน์ใช้อาวุธปืนข่มขู่ขณะเข้าตรวจค้นพื้นที่เรื่องยาเสพติด โดยนายไพโรจน์ได้นำหลักฐานภาพถ่ายเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าในวันดังกล่าวตนไม่ได้พกพาอาวุธปืนและข่มขู่เจ้าหน้าที่ทหาร ตามที่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวอ้าง ซึ่งการกล่าวของ พ.อ.สรรเสริญเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 53 (5) พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ในเรื่องหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดหรือไม่ ดังนั้นตนจึงได้เดินทางมาร้องเรียนต่อ ศอส.