ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.ลำดับที่ 94 แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หลังบุตรชายทำงามหน้า ถูกจับกุมคดียาเสพติด จนเสื่อมเสียงวงศ์ตระกูล และกระทบต่อชื่อเสียงพรรค ยืนยันว่า ไม่มีการถูกกดดัน แต่ต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายประจักษ์ชัย ณ สงขลา ผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 94 ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์มือถือ กรณีที่ นายสรธร หรือ กร ณ สงขลา บุตรชาย อายุ 34 ปี ถูกจับกุมในข้อหาค้ายาไอซ์ 22 กรัม จากการล่อซื้อของตำรวจ ว่า ตนเพิ่งจะทราบข่าวทางสื่อเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้ (5 มิ.ย.) และตนเองพักอาศัยที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงได้ติดต่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่พรรค เพื่อแสดงเจตจำนงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ที่บุตรชายซึ่งแต่งงานแยกครอบครัวไปแล้ว โดยอยู่ที่ กทม.ทราบว่า เขาอยู่ทางโน้นก็แยกกับภรรยา ไปมีภรรยาคนใหม่ และมาทราบข่าวว่า ถูกจับจากเรื่องนี้ ที่มีพฤติกรรมทำสิ่งผิดกฎหมาย จนส่งผลกระทบเสื่อมเสียถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ของพ่อแม่และกระทบต่อชื่อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่มาจนเป็นสถาบันการเมือง
ตนจึงตัดสินใจขอลาออกโดยการแจ้งด้วยวาจาก่อน และได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรส่งโทรสารไปยืนยันเพื่อขอลาออกจากพรรคแล้ว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อพรรค ซึ่งตนต้องขอกราบขอโทษต่อบุคลากรตลอดจนพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ในการกระทำของบุตรชายของตนในครั้งนี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีใครในพรรคมากดดันให้ตนลาออก แต่ต้องทำเพื่อแสดงความรับผิดชอบเพื่อไม่ให้ส่วนรวมได้รับความเสียหาย และผลกระทบในทางลบ
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายประจักษ์ชัย ณ สงขลา ผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 94 ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์มือถือ กรณีที่ นายสรธร หรือ กร ณ สงขลา บุตรชาย อายุ 34 ปี ถูกจับกุมในข้อหาค้ายาไอซ์ 22 กรัม จากการล่อซื้อของตำรวจ ว่า ตนเพิ่งจะทราบข่าวทางสื่อเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้ (5 มิ.ย.) และตนเองพักอาศัยที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงได้ติดต่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่พรรค เพื่อแสดงเจตจำนงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ที่บุตรชายซึ่งแต่งงานแยกครอบครัวไปแล้ว โดยอยู่ที่ กทม.ทราบว่า เขาอยู่ทางโน้นก็แยกกับภรรยา ไปมีภรรยาคนใหม่ และมาทราบข่าวว่า ถูกจับจากเรื่องนี้ ที่มีพฤติกรรมทำสิ่งผิดกฎหมาย จนส่งผลกระทบเสื่อมเสียถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ของพ่อแม่และกระทบต่อชื่อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่มาจนเป็นสถาบันการเมือง
ตนจึงตัดสินใจขอลาออกโดยการแจ้งด้วยวาจาก่อน และได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรส่งโทรสารไปยืนยันเพื่อขอลาออกจากพรรคแล้ว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อพรรค ซึ่งตนต้องขอกราบขอโทษต่อบุคลากรตลอดจนพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ในการกระทำของบุตรชายของตนในครั้งนี้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีใครในพรรคมากดดันให้ตนลาออก แต่ต้องทำเพื่อแสดงความรับผิดชอบเพื่อไม่ให้ส่วนรวมได้รับความเสียหาย และผลกระทบในทางลบ