“ภูมิใจไทย” พรรคขนาดกลางที่ได้รับการคาดหมายว่า น่าจะมี ส.ส.หลังเลือกตั้งเป็นอันดับ 3 และจะสามารถเข้ามาปักธงในเขต กทม.ได้โดยฝากความหวังไว้กับศุภมาส อิสรภักดี นักการเมืองผู้หญิงที่เก่าและเก๋าในเขต 11 กทม. แต่พรรคนี้จะไปได้ตามคาดหรือไม่ เพิ่งยกแรกยังเอาอะไรชัวร์ไม่ได้
เมื่อสองวันก่อนอันเป็นวันเดียวกับดาวราหูย้ายเรือนจากราศีธนูเข้าสู่ราศีพิจิก ได้เกิดลางร้ายกับภูมิใจไทย โดยมีรถคอนเทนเนอร์พุ่งชนต้นไม้บริเวณหน้าที่ทำการพรรค ทำให้ต้นไม้หักโค่นมีน้ำยางสีแดงกล่ำคล้ายเลือด ไหลไม่หยุดจนผู้พบเห็นต่างหวาดกลัวและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางไม่ดีต่างๆ นานา เช่นว่า
คนไม่ดีโกงชาติบ้านเมืองกำลังจะพบเหตุวิบัติ และฯลฯ
อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทยได้วางแผนการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเข้มข้น โดยกำลังจะเริ่มเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นพรรคประกาศแล้วว่าจะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่แค่ 5 จังหวัด 5 ครั้ง คือ นครราชสีมา สุรินทร์ เชียงราย ปทุมธานี สระบุรี
เริ่มจากจุดแรกคือ นครราชสีมา ของบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ที่จะเปิดเวทีนำร่องในวันศุกร์ที่ 27 พ.ค.นี้ บริเวณลำตะคลอง จ.นครราชสีมา ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่ภูมิใจไทย จัดปราศรัยใหญ่ล้วนมีความสำคัญทางการเมืองทิ้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น จ.สุรินทร์ ถิ่นอีสานใต้ที่ เนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคตัวจริงต้องการเอาชนะให้มากที่สุด ส่วนที่ไม่โปรแกรมปราศรัยใหญ่ที่ จ.บุรีรัมย์ คงเพราะเนวิน ชิดชอบ เชื่อว่าภูมิใจไทยจะชนะยกจังหวัดอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเปลืองแรงที่นี่
ขณะที่ จ.เชียงราย แม้ยากที่พรรคไหนจะเจาะพื้นที่เอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ แต่ภูมิใจไทยก็ยังหวังลึกๆ กับการให้คนของสองตระกูลใหญ่เชียงรายคือ “เลิศนุวัฒน์” และ “จงสุทธามณี” ปักธงชัยชนะให้ได้
โดยเฉพาะ ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย ที่ย้ายถิ่นฐานเลือกตั้งจากฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานครสมัยอยู่ไทยรักไทย กลับมาลงบ้านเกิดเชียงราย โดยหวังบารมีและฐานเสียงเก่าของพ่อ “เสี่ยติ่ง” สมพันธ์ เลิศนุวัฒน์
ส่วนตระกูลจงสุทธามณีก็คาดหวังกับ น.ส.ชัญญา จงสุทธนามณี บุตรสาวของมงคล จงสุทธนามณี อดีต ส.ส.เชียงราย 7 สมัยและแกนนำพรรคภูมิใจไทยในเขตภาคเหนือ
จึงต้องดูว่าหากภูมิใจไทยจัดปราศรัยใหญ่ที่เชียงรายจะโดนแรงต้านจากคนเสื้อแดงในพื้นที่หรือไม่ หลังที่ภูมิใจไทยซุ่มทำพื้นที่มาร่วมสองปี
ส่วนอีกสองจังหวัดในภาคกลางคือปทุมธานี -สระบุรี ภูมิใจไทยก็หวังจะได้ ส.ส.ทั้งสองจังหวัดพอสมควรโดยเฉพาะที่สระบุรีซึ่งภูมิใจไทยหวังชนะยกจังหวัด หลังล่าสุดได้ตัววัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณอดีต ส.ส.สระบุรี ประชาธิปัตย์มาร่วมทีมกับ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี เพื่อไทย
ภูมิใจไทยจะมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนขนาดไหน ต้องดูว่าปราศรัยใหญ่ภูมิใจไทยแต่ละครั้ง จะมีคนมาฟังพรรคนี้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามดูตัวขุนพลเวทีปราศรัยแล้ว มีแค่ไม่กี่คน คาดว่าคงให้ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคหุ่นเชิด ขึ้นแนะนำตัวเป็นหลักเพราะพูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง นอกนั้นคงโยนภารกิจให้พวกศุภชัย ใจสมุทร, บุญจง วงศ์ไตรรัตน์, โสภณ ซารัมย์, ประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ทำหน้าที่ยืนพื้นเวทีปราศรัย
แต่หากให้ประเมินล่วงหน้า ภูมิใจไทยคงไม่เน้นความดุเดือดตื่นเต้นบนเวทีปราศรัย เพราะภูมิใจไทยดูแล้วไม่ต้องการไปชวนทะเลาะกับพรรคอื่น แค่หวังตรึงพื้นที่มีคนมาฟังแน่น สร้างกระแสเรียกคะแนนได้ทั้งระบบปาร์ตี้ลิสต์และได้ ส.ส.ใน 5 จังหวัดนี้แบบเป็นกอบเป็นกำก็เป็นพอ
ส่วนขุนพลใหญ่หลักๆ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่เปิดตัว ก็ไม่พ้นตัวหลักๆ อย่างเนวิน-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ดูแลอีสานใต้และภาพรวมทั้งประเทศ สรอรรถ กลิ่นประทุม และ อนุชา นาคาศัย สามีพรทิวา เลขาธิการพรรคร่วมกันรับผิดชอบดูแลภาคกลางเช่นราชบุรี ชัยนาท ร่วมกับสุชาติ ตันเจริญ ที่จะไปช่วยในอีสานบางส่วนอาทิ ยโสธร และ สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ดูแลไปภาคเหนือตอนล่างอย่างสุโขทัย นครสวรรค์
ภาคเหนือก็ สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์-มงคล จงสุทธามณี แต่คงไม่เน้นมากเพราะรู้ดีว่าเจาะเพื่อไทยลำบาก เอาแค่เชียงรายเป็นหลัก
ส่วนภาคใต้จะ เน้นที่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก โดยเฉพาะคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ เพราะมีอดีต ส.ส.มุสลิมบางส่วนย้ายมาจากเพื่อแผ่นดิน เช่นมานพ ปัตนวงศ์ อดีต ส.ส.นราธิวาส และนิมุคตาร์ วาบา อดีตส.ส.ปัตตานี แต่จะมีศุภชัย ใจสมุทร เป็นตัวเสริมคอยช่วยดูแลพื้นที่เรื่องภาพรวมปาร์ตี้ลิสต์อีกแรง แต่ดูแล้วคงยากจะได้คะแนนเสียงเป็นกอบเป็นกำเพราะคงแหกด่านทั้งประชาธิปัตย์-เพื่อไทยและมาตุภูมิมาได้ยาก
ส่วนตัวใหม่ๆ ที่เนวินดึงเข้ามาช่วยเสริมทัพ ก็เช่น สรยุทธ เพ็ชรตระกูล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เพื่อนรัก อนุทิน ชาญวีรกูล หนึ่งในนายทุนพรรค รับผิดชอบเป็นผู้อำนวยเลือกตั้ง งานหลักคือดูภาพรวมช่วยเหลือผู้สมัครของพรรคทั้งหมด
แต่คงไม่ถึงขั้นต้องควักกระเป๋าให้ เพราะเนวินเตรียมเงินไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว ดังนั้นพรรคนี้จะชนะเข้ามาได้ก็อาศัยปัจจัยกระสุนดินดำยิงถล่มอย่างหนักเท่านั้น เพราะภาพลักษณ์การบริหารงานและความศรัทธาเชื่อถือขายไม่ได้
พรรคนี้เป็นที่รู้กันดีว่าพูดแล้วทำแต่ปากมันทุกงาน
เมื่อสองวันก่อนอันเป็นวันเดียวกับดาวราหูย้ายเรือนจากราศีธนูเข้าสู่ราศีพิจิก ได้เกิดลางร้ายกับภูมิใจไทย โดยมีรถคอนเทนเนอร์พุ่งชนต้นไม้บริเวณหน้าที่ทำการพรรค ทำให้ต้นไม้หักโค่นมีน้ำยางสีแดงกล่ำคล้ายเลือด ไหลไม่หยุดจนผู้พบเห็นต่างหวาดกลัวและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางไม่ดีต่างๆ นานา เช่นว่า
คนไม่ดีโกงชาติบ้านเมืองกำลังจะพบเหตุวิบัติ และฯลฯ
อย่างไรก็ตาม พรรคภูมิใจไทยได้วางแผนการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเข้มข้น โดยกำลังจะเริ่มเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นพรรคประกาศแล้วว่าจะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่แค่ 5 จังหวัด 5 ครั้ง คือ นครราชสีมา สุรินทร์ เชียงราย ปทุมธานี สระบุรี
เริ่มจากจุดแรกคือ นครราชสีมา ของบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ที่จะเปิดเวทีนำร่องในวันศุกร์ที่ 27 พ.ค.นี้ บริเวณลำตะคลอง จ.นครราชสีมา ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่ภูมิใจไทย จัดปราศรัยใหญ่ล้วนมีความสำคัญทางการเมืองทิ้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น จ.สุรินทร์ ถิ่นอีสานใต้ที่ เนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคตัวจริงต้องการเอาชนะให้มากที่สุด ส่วนที่ไม่โปรแกรมปราศรัยใหญ่ที่ จ.บุรีรัมย์ คงเพราะเนวิน ชิดชอบ เชื่อว่าภูมิใจไทยจะชนะยกจังหวัดอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเปลืองแรงที่นี่
ขณะที่ จ.เชียงราย แม้ยากที่พรรคไหนจะเจาะพื้นที่เอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ แต่ภูมิใจไทยก็ยังหวังลึกๆ กับการให้คนของสองตระกูลใหญ่เชียงรายคือ “เลิศนุวัฒน์” และ “จงสุทธามณี” ปักธงชัยชนะให้ได้
โดยเฉพาะ ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย ที่ย้ายถิ่นฐานเลือกตั้งจากฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานครสมัยอยู่ไทยรักไทย กลับมาลงบ้านเกิดเชียงราย โดยหวังบารมีและฐานเสียงเก่าของพ่อ “เสี่ยติ่ง” สมพันธ์ เลิศนุวัฒน์
ส่วนตระกูลจงสุทธามณีก็คาดหวังกับ น.ส.ชัญญา จงสุทธนามณี บุตรสาวของมงคล จงสุทธนามณี อดีต ส.ส.เชียงราย 7 สมัยและแกนนำพรรคภูมิใจไทยในเขตภาคเหนือ
จึงต้องดูว่าหากภูมิใจไทยจัดปราศรัยใหญ่ที่เชียงรายจะโดนแรงต้านจากคนเสื้อแดงในพื้นที่หรือไม่ หลังที่ภูมิใจไทยซุ่มทำพื้นที่มาร่วมสองปี
ส่วนอีกสองจังหวัดในภาคกลางคือปทุมธานี -สระบุรี ภูมิใจไทยก็หวังจะได้ ส.ส.ทั้งสองจังหวัดพอสมควรโดยเฉพาะที่สระบุรีซึ่งภูมิใจไทยหวังชนะยกจังหวัด หลังล่าสุดได้ตัววัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณอดีต ส.ส.สระบุรี ประชาธิปัตย์มาร่วมทีมกับ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี เพื่อไทย
ภูมิใจไทยจะมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนขนาดไหน ต้องดูว่าปราศรัยใหญ่ภูมิใจไทยแต่ละครั้ง จะมีคนมาฟังพรรคนี้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามดูตัวขุนพลเวทีปราศรัยแล้ว มีแค่ไม่กี่คน คาดว่าคงให้ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคหุ่นเชิด ขึ้นแนะนำตัวเป็นหลักเพราะพูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง นอกนั้นคงโยนภารกิจให้พวกศุภชัย ใจสมุทร, บุญจง วงศ์ไตรรัตน์, โสภณ ซารัมย์, ประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ทำหน้าที่ยืนพื้นเวทีปราศรัย
แต่หากให้ประเมินล่วงหน้า ภูมิใจไทยคงไม่เน้นความดุเดือดตื่นเต้นบนเวทีปราศรัย เพราะภูมิใจไทยดูแล้วไม่ต้องการไปชวนทะเลาะกับพรรคอื่น แค่หวังตรึงพื้นที่มีคนมาฟังแน่น สร้างกระแสเรียกคะแนนได้ทั้งระบบปาร์ตี้ลิสต์และได้ ส.ส.ใน 5 จังหวัดนี้แบบเป็นกอบเป็นกำก็เป็นพอ
ส่วนขุนพลใหญ่หลักๆ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่เปิดตัว ก็ไม่พ้นตัวหลักๆ อย่างเนวิน-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ดูแลอีสานใต้และภาพรวมทั้งประเทศ สรอรรถ กลิ่นประทุม และ อนุชา นาคาศัย สามีพรทิวา เลขาธิการพรรคร่วมกันรับผิดชอบดูแลภาคกลางเช่นราชบุรี ชัยนาท ร่วมกับสุชาติ ตันเจริญ ที่จะไปช่วยในอีสานบางส่วนอาทิ ยโสธร และ สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ดูแลไปภาคเหนือตอนล่างอย่างสุโขทัย นครสวรรค์
ภาคเหนือก็ สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์-มงคล จงสุทธามณี แต่คงไม่เน้นมากเพราะรู้ดีว่าเจาะเพื่อไทยลำบาก เอาแค่เชียงรายเป็นหลัก
ส่วนภาคใต้จะ เน้นที่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก โดยเฉพาะคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ เพราะมีอดีต ส.ส.มุสลิมบางส่วนย้ายมาจากเพื่อแผ่นดิน เช่นมานพ ปัตนวงศ์ อดีต ส.ส.นราธิวาส และนิมุคตาร์ วาบา อดีตส.ส.ปัตตานี แต่จะมีศุภชัย ใจสมุทร เป็นตัวเสริมคอยช่วยดูแลพื้นที่เรื่องภาพรวมปาร์ตี้ลิสต์อีกแรง แต่ดูแล้วคงยากจะได้คะแนนเสียงเป็นกอบเป็นกำเพราะคงแหกด่านทั้งประชาธิปัตย์-เพื่อไทยและมาตุภูมิมาได้ยาก
ส่วนตัวใหม่ๆ ที่เนวินดึงเข้ามาช่วยเสริมทัพ ก็เช่น สรยุทธ เพ็ชรตระกูล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เพื่อนรัก อนุทิน ชาญวีรกูล หนึ่งในนายทุนพรรค รับผิดชอบเป็นผู้อำนวยเลือกตั้ง งานหลักคือดูภาพรวมช่วยเหลือผู้สมัครของพรรคทั้งหมด
แต่คงไม่ถึงขั้นต้องควักกระเป๋าให้ เพราะเนวินเตรียมเงินไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว ดังนั้นพรรคนี้จะชนะเข้ามาได้ก็อาศัยปัจจัยกระสุนดินดำยิงถล่มอย่างหนักเท่านั้น เพราะภาพลักษณ์การบริหารงานและความศรัทธาเชื่อถือขายไม่ได้
พรรคนี้เป็นที่รู้กันดีว่าพูดแล้วทำแต่ปากมันทุกงาน
