xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ซัด ปชป.-พท.กัดกันเหมือนหมา - จวก “มาร์ค” จอมแหลยังมีหน้าขอทำงานต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ซัด ปชป.-พท.ออกทีวีกัดกันเหมือนหมา ย้ำต้อง “โหวตโน” ไม่ให้สัตว์เข้าสภา จวก “มาร์ค” แหลลงตับ แค่เอ็มโอยู 43 เรื่องเดียวก็โกหกไฟแลบ ยังมีหน้ามาบอกจะเดินหน้าต่ออ้างเลือกเข้าไปแล้วทำได้ทันที เผยสถานการณ์บ้านเมืองคล้ายอยุธยาตอนเสียกรุง ผู้นำอ่อนแอ ทหารเก่งแต่พูด-รบไม่เป็น กลับเป็นลูกจีนชาติที่มาช่วยกู้บ้านกู้เมือง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสนธิ ลิ้มทองกุล”  

เวลา 21.00 น. วันที่ 18 พ.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรปะชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า วันนี้ตนได้เดินทางไปขึ้นศาลที่จังหวัดระยองในคดีซึ่งมีโจทก์คือ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดซึ่งเป็นคนสนิทกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน มีการซักค้านตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น โดยทีมทนายความของ พล.อ.มงคลเป็นอดีตอัยการสูงสุดที่เคยถูกถอดออกจากตำแหน่งประธาน ป.ป.ช.เพราะขึ้นเงินเดือนให้กับตัวเอง นอกจากนี้ยังมีทนายความของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้างมาช่วยฝ่ายโจทก์ด้วย ตนนั่งอยู่ในคอกพยานเล็กๆ เก้าอี้ทำจากไม้เนื้อแข็ง นั่งจนเจ็บก้นกบ ขอศาลนั่งพับเพียบก็ไม่หาย แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะยังมีอีกหลายสิบคดี เจ็บแค่นี้คงไม่เป็นไร

อย่างไรก็ตาม ได้มีพันธมิตรฯ จากระยองเข้าไปให้กำลังใจในห้องพิจารณาคดีราว 10 กว่าคน ซึ่งแต่ละคนก็ใส่เสื้อที่มีข้อความ “โหวตโน” และได้บอกกับตนว่าจะโหวตโนกันทั้งบ้าน ซึ่งตนได้บอกว่า เราจะต้องโหวตโนไม่เช่นนั้นสภาจะมีปัญหา เพราะ ส.ส.พูดไม่รู้เรื่องเลย เนื่องจากพวกเราประชาชนพันธมิตรฯ ฟังภาษาสัตว์ไม่รู้เรื่อง

นายสนธิกล่าวต่อว่า วันนี้เราก้าวเข้ามาสู่ช่วงที่เราได้เห็นสัจจธรรมหลายอย่าง เมื่อสักครู่นี้ได้เห็นนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กับนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกโทรทัศน์รายการของนายสุรยุทธ สุทัศนะจินดา ทะเลาะกันเหมือนหมา เถียงกันว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำงานไม่เป็น นายศิริโชคก็ตอบโต้ว่าทำไมจะทำไม่เป็น ซึ่งเมื่อดูจริงๆ แล้วคงไม่ใช่แค่หมาธรรมดา แต่เป็นหมาขี้เรื้อนที่มากัดกัน

นายสนธิกล่าวอีกว่า ได้พยายามทบทวนหาเหตุผลอย่างไรก็ไม่เจอว่าทำไมนายอภิสิทธ็ เวชชาชีวะ จึงต้องกอดเอ็มโอยู 2543 ตนไม่เข้าใจ มันเป็นพระไตรปิฎกเล่มแรกของโลกหรืออย่างไรจึงต้องกอดเอาไว้ ตนนึกไม่ออก พอพวกเรามาไล่นายอภิสิทธิ์ก็พยายามบอกว่าเอ็มโอยู.43 ดีอย่างไร ซึ่งตนจำที่นายอภิสิทธิ์พูดได้หมด เช่น บอกว่าเอ็มโอยู.2543 ทำให้ไทยกับกัมพูชาสามารถนั่งเจรจากันได้ ไม่ให้มีการรบกัน ทำให้เกิดการเจรจาทวิภาคีไม่มีประเทศที่ 3 เข้ามาแทรกแซง แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าตอแหลลงตับทุกเรื่อง โกหกตลอด เรื่องเอ็มโอยู.แค่ตัวอย่างเดียว แล้วคนโกหกแบบนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าจะเดินหน้าต่อไป เลือกเราเข้าไปแล้วทำได้ทันที มันเป็นความโชคร้ายหรือเวรกรรมของชาติบ้านเมืองที่มีคนโกหกตอแหลได้เก่งขนาดนี้ แต่คิดว่าคงเป็นเวรกรรมของชาติบ้านเมืองมากกว่า ซึ่งไปๆ มาๆ เราคงต้องยอมรับแล้ว

นายสนธิกล่าวอีกว่า ระหว่างเดินทางไปจังหวัดระยอง ตนได้อ่านหนังสือเรื่องพระเจ้าตาก ทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์สมัยพระเจ้าตากช่างเหมือนเมืองไทยตอนนี้จริงๆ สมัยนั้นกรุงศรีอยุธยาแตกเพราะข้าราชการทรยศต่อพระมหากษัตริย์ ขณะที่กษัตริย์สมัยนั้นคือพระเจ้าเอกทัศน์ก็อ่อนแอ เจ้าฟ้าอุทุมพรลุกขึ้นมาสู้เพื่อเอาบัลลังก์คืนมาให้ แต่พระเจ้าเอกทัศน์ก็ยึดอำนาจ จนเจ้าฟ้าอุทุมพรต้องไปบวช ขณะที่พระเจ้าตากก็รบกับพม่าอยู่ตลอด ชนะบ้างแพ้บ้าง แต่ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากทหารของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งความจริงกรุงศรีฯ ต้องแตกไปนานแล้ว แต่มีชาวบ้านบางระจันที่ยันกองทัพพม่าเอาไว้เป็นเวลา 6 เดือน ไม่เช่นนั้นกรุงฯ แตกก่อน แล้วพระเจ้าตากก็จะไม่สามารถรวบรวมไพร่พลตีแหกวงล้อมออกไปตั้งตัวที่ภาคตะวันออกได้

ในช่วงก่อนเสียกรุงฯ นั้น พม่าไม่ได้ยกทัพมาตีเป็นเวลานาน ทำให้ทหารกรุงศรีอยุธยาอยู่กันอย่างสบายจนรบไม่เป็น เหมือนทหารสมัยนี้ที่สบายจนรบไม่เป็น จึงมีแต่ทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ที่ดีแต่ปาก หากไปอ่านตำนานกรุงศรีอยุธยาในช่วงนั้น ก็จะเห็นว่าสภาพเหมือนเมืองไทยตอนนี้ พระเจ้าเอกทัศน์ ถ้าเป็นตอนนี้ก็คือนายอภิสิทธิ์ ขณะที่มีข้าศึกรอบด้านยกเข้ามาตี ปรากฏว่าคนที่มาช่วยพระเจ้าตากกู้บ้านกู้เมืองกลับเป็นคนจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เหมือนลูกจีนที่ออกมาสู้ในยุคนี้ มันเหมือนเป็นการย้อนยุค อ่านแล้วก็อดจินตนาการไม่ได้ สมัยนั้นเมื่อพระเจ้าตากยกทัพไปถึงระยองพ่อค้าจีนที่มีเรือสำเภาค้าขายก็ยกเรือสำเภาให้พระเจ้าตากเพื่อนำไปกู้บ้านกู้เมือง

พระเจ้าตากกับสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงสนิทสนมกันมาก แต่พระองค์ทรงเสียสละพระองค์เองเพื่อให้แผ่นดินได้คงอยู่ต่อไป พระองค์เสียสละหมด ลูกหลานตัวเองก็ไม่ให้อยู่ ให้ไปปกครองเขมรจะได้อยู่ห่างๆ กัน ส่วนคนที่ก่อกบฏคือพระยาสรรค์ ที่ไปเชื่อพวกบ้านพลูหลวง ซึ่งเป็นชนชั้นปกครองหรือศักดินาจากอยุธยา พวกนี้ต้องการเอาธรรมเนียมของระบอบกษัตริย์ในสมัยอยุธยากลับมาใช้ใหม่ เช่น ห้ามประชาชนมองพระพักตร์พระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งพระเจ้าตากให้มองได้ พวกบ้านพลูหลวงจึงไม่ต่างอะไรกับพวกนายเนวิน นายสุเทพ นายสุวัจน์ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง อยากจะเอาระบอบการเมืองเก่าๆ ไว้ ส่วนพี่น้องที่มาชุมนุมที่นี่ ชาติก่อนอาจเป็นนักรบบ้านบางระจัน ซึ่งบ้านบางระจันนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะเป็นที่ตั้งของวัดและที่ฝึกนักดาบ จึงมีนักดาบที่เก่ง มีดาบเล่มเดียวสู้ได้เป็นสิบคน ตนไม่รู้ว่าโรงเรียนนายร้อย ปจร.ได้สอนเรื่องชาวบ้านบางระจันหรือเปล่า มีอาวุธทันสมัยก็ไม่รู้จักเอามาใช้ ดีแต่พูดอย่างเดียว ไม่มียุคไหนที่กองทัพไทยจะตกต่ำ เท่ากับกองทัพยุคที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ.เป็นต้นมา จนถึงยุค พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งทุกวันนี้ ทหารพากันบ่นอึดอัดใจที่มีผู้นำที่ดีแต่พูด

กำลังโหลดความคิดเห็น