“มาร์ค” ชิ่งหนี “อรอนงค์” ไปเยี่ยม “ประชา” หลังนัดเคลียร์ใจถูกดันขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ได้ลง ส.ส.เขตปทุมวัน เจ้าตัวยืนยันพร้อมหันหลังให้การเมืองหากไม่ได้ลงระบบเขต เมินพรรคยื่นเงื่อนไขสลับลงเขตในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (11 พ.ค.) น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต ส.ส.เขตปทุมวัน พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาพบนายอภิสิทธิ์ เวชชชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ณ ที่ทำการพรรค ตามที่นัดกันไว้ เพื่อหารือถึงปัญหาที่คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้ลงสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ โดยให้ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ลงเลือกตั้งเขตที่ 2 เขตปทุมวัน บางรัก สาทร แทน แต่ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ ได้ออกจากพรรคเพื่อไปเยี่ยมนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ที่ถูกลอบยิงเมื่อค่ำวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา
น.ส.อรอนงค์กล่าวว่า ตนได้รับคำเชิญจากนายอภิสิทธิ์ให้มาพบเพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ในเขตปทุมวัน อย่างไรก็ตาม ตนยังยืนยันที่จะขอลงสมัคร ส.ส.แบบเขต แต่เมื่อพรรคมีมติให้ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ลงสมัครในแบบเขต และให้ตนลงแบบบัญชีรายชื่อ ตนก็ขอหันหลังให้กับการเมืองเพียงแค่นี้ แต่ไม่ย้ายพรรคไปไหน จะขอเกิดและขอตายอยู่ที่นี่
น.ส.อรอนงค์ยอมรับว่า มีพรรคการเมืองอื่นมาทาบทามให้ย้ายไปอยู่เหมือนกัน แต่ตนปฏิเสธเพราะมีความรักและผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ และถึงแม้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคจะมีมติให้ ม.ล.อภิมงคล ลงเลือกตั้งแบบเขตสลับกับตนที่จะได้ลงแบบเขตในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตนก็ไม่ขอยอมรับ เพราะไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ถึงแม้จะมีคนรับประกันได้ แต่ทำไมไม่ให้ตนทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
“ดิฉันยอมรับรู้สึกน้อยใจพรรคที่ทำเช่นนี้ เพราะเราทำงานให้กับพรรคมานาน ร่วม 10 ปี เป็นคนทำให้พรรคเกิดในพื้นที่ปทุมวัน ทำให้มี ส.ก., ส.ข.เกิดขึ้นในเขตนี้มาตั้งแต่ ปี 2533 แต่เมื่อเป็นเรื่องของมุมมองที่ต่างกัน ดิฉันก็ขอยอมรับไว้เพียงแค่นี้”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรควันนี้เลยหรือไม่ น.ส.อรอนงค์กล่าวว่า ตอนนี้พรรคก็มีแบบฟอร์มการลาออกอยู่แล้ว จะเดินไปมาเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อว่าได้มีการหารือกับ ม.ล.อภิมงคลบ้างหรือไม่ น.ส.อรอนงค์กล่าวว่า ก็ยังพูดคุยรักใคร่กันตามปกติ แต่จะให้ตนไปคุยในเรื่องแบบนี้คงไม่สะดวกใจ เพราะเป็นคนกันเอง จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคตัดสินเองดีกว่า