ทีมโฆษก ปชป.แฉ วาทกรรม “แม้ว” หลังโฟนอิน จุดชนวนเสี้ยมบ้านเมืองแตกแยกรุนแรง เชื่อ 3 เหตุการณ์ “ทหารไทยปะทะเขมร-ทีวีจอดำ-เหตุยิง นปช.ที่พัทยา” ไม่ใช่เหตุบังเอิญ เชื่อ มีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังสร้างสถานการณ์ จี้ ไอซีที เร่งบังคับคดีดาวเทียมชินแซท ซัดเป็นเหตุทีวีจอดำ ย้ำ ทหารตบเท้า ไม่เกี่ยวปฏิวัติ
วันนี้ (22 เม.ย.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ทีมงานโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้รวบรวมวาทกรรมต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2552-2554 เพื่อให้เห็นว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์ หรือโฟนอินเข้ามา จะเกิดเหตุความวุ่นวายหลังการพูดทุกครั้ง โดยเฉพาะในปี 2554 นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งโฟนอิน วิดีโอลิงก์ บ่อยมากขึ้น โดยวาทกรรมที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ คือ คำพูดที่ว่า จะมีการปฏิวัติ และจะเป็นเหมือนลิเบีย หรือ อียิปต์ ซึ่งสอดคล้องกับพูดของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ดังนั้น ต้องจับตามองและระมัดระวังคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิงก์เข้ามาในวันที่ 23 เม.ย.เพราะเชื่อได้ว่าจะมีการขยับการชุมนุม การเรียกร้อง หรือความรุนแรงต่างๆ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหาทุกหนทางที่จะกลับเข้ามามีอำนาจ และให้ทุกคนลืมเรื่องที่ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี
นายบุญยอด กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์โทรทัศน์จอดำ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.เพราะดาวเทียมไทยคม 5 มีปัญหา จะเห็นว่า วิทยุชุมชนหลายแห่งปลุกระดมว่า มีการปฏิวัติ เรียกร้องระดมคนออกมา แต่กระแสนี้ยังจุดไม่ติด แต่เชื่อว่า จะมีความพยายามปลุกระดมคนออกมา หากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่การปฏิวัติ แต่ก็พยายามโยงให้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ เพื่อให้คนบริสุทธิ์ออกมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์ก็จะเหมือนที่ประเทศตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ และจะเป็นการกลบกระแสเรื่องการหมิ่นสถาบันได้ด้วย ดังนั้น ที่สำคัญ คือ รัฐบาลต้องอดทน และอธิบายให้ประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจนในทุกเหตุการณ์ เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตูมเรื่องการปฏิวัติ เพราะการเมืองตอนนี้ไม่มีทางตัน ทางออกคือการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
“เราต้องคิดว่า เหตุการณ์การยิงคนเสื้อแดงที่พัทยา ไม่ใช่เรื่องชั้นเดียวเชิงเดียว เพราะจากนั้นก็มีเหตุการณ์โทรทัศน์ดับ และจู่ๆ เช้าวันที่ 22 เม.ย.ก็เกิดเหตุการณ์การยิงปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ไม่ทราบว่าเกิดได้อย่างไร เป็นการรับกัน ร่วมสร้างสถานการณ์ต่างๆ ให้เกิดขึ้นรอบด้าน ไม่ทราบว่าใครทำ และทำเพื่ออะไร จึงน่าจับตามองว่ามีเบื้องหลังเพื่อให้เพิ่มสถานการณ์มากขึ้น ให้ดูว่าบ้านเมืองวุ่นวาย สับสน ดังนั้น คนไทยจะหลงไม่ได้ ต้องใจเย็น ใช้วิจารณญาณอ่านเกมที่เกิดขึ้น” นายบุญยอด กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างเหตุผลของการปฏิวัติ คือ การหมิ่นสถาบัน นายบุญยอด กล่าวว่า การปฏิวัติจะเกิดขึ้นได้นั้น ต้องมีการบ่มสถานการณ์ต่างๆ ให้มาก ไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือบ้านเมืองไม่มีทางออกแล้ว คนจะฆ่ากันตาย การปฏิวัติจึงสำเร็จ แต่ขณะนี้บ้านเมืองมีทางออกแล้ว เพราะต้องเข้าใจว่า หากสถานการณ์ยังบ่มเพาะไม่ถึงขีดสุด การปฏิวัติกับกบฏก็จะไม่ต่างกันเลย ข้ามเส้นเพียงนิดเดียว ดังนั้น เรื่องปฏิวัติไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าถามวันนี้มีทางออกหรือไม่ ก็มีแล้วคือ กทารที่นายกฯ ประกาศคืนอำนาจให้ประชาชนมีการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าไม่มีทางตันในสถานการณ์ปัจจุบัน
นายบุญยอด กล่าวถึงข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แจกไอโฟน 4 ให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่า ต้องตรวจสอบว่า สิ่งของดังกล่าวราคาเกิน 3 พันบาทหรือไม่ แต่เชื่อว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยจะให้ตัวแทนเซ็นรับ เพื่อจะได้ไม่ต้องสาวถึงตัวเอง แต่ตนไม่กลัว เพราะเชื่อว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยีเท่าไหร่ ดังนั้น จะต้องใช้เวลาอีกนานในการเรียนรู้เทคโนโลยี และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีเวลาติดต่อกับสมาชิกพรรคทั้งหมด แต่จะเลือกติดต่อกับแกนนำพรรคบางคนเท่านั้น
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์โทรทัศน์จอดำ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.เพราะดาวเทียมไทยคม 5 มีปัญหา ว่า ในฐานะเป็นกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตนเคยเตือนแล้วว่า เหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้ และจะไม่มีวันเกิดขึ้นหากดาวเทียมที่รัฐบาลชุดก่อนได้อนุมัติให้บริษัทดังกล่าวยิงไปเป็นดาวเทียมสำรองซีแบนด์จริง แต่กลับใช้สิทธิสำรองในการยิงดาวเทียมหลัก คือ ดาวเทียมไอพีสตาร์ ซึ่งอยู่คนละคลื่นความถี่ของเคยูแบนด์ และไม่สามารถใช้เป็นดาวเทียมสำรองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ได้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงไอซีที เร่งบังคับตามคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ได้วินิจฉัยว่า การดำเนินการดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย และต้องเร่งแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวโดยด่วน
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงการที่ทหารออกมาประกาศพร้อมปฏิบัติการภายใน 30 นาที - 1 ชั่วโมงว่า เป็นเหตุการณ์ตามปกติ ไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องชัดเจนว่าการฝึกความพร้อมเป็นเรื่องภายในของกองทัพตามปกติ เพียงแต่มีความพยายามตีความให้คนรู้สึกไปในทางหนึ่งทางใด แต่ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่ามูลเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการดำเนินการในเวที นปช.เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ทำให้เกิดปฏิกิริยาในวงกว้างต่อสังคมหรือไม่