เรื่องที่แน่ๆ ก็ชักไม่แน่เสียแล้ว สำหรับการยุบสภาภายในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลั่นคำเอาไว้ แม้จะมีการสำทับซ้ำเติมจากนายกฯ หน้าหล่อจ้อไฟแลบ ว่ายังคงยืนกรานตามคำพูดเดิม
เพราะมันเกิดเสียงทะแม่งๆ ออกมาจากฝ่าย ส.ว.แย้มว่า การแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งที่ ส.ส.พิจารณาเสร็จแล้วส่งมาให้ อาจเสร็จไม่เร็วตามกำหนด จนอาจทำให้การยุบสภา ตลอดจนการเลือกตั้งต้องทอดยาวออกไปกว่าที่นายกฯ ตั้งเป้าไว้
น่าสังเกตว่า ส.ว.ที่ออกมาเดินเกม “เตะถ่วง” ล้วนมีภูมิหลังใกล้ชิดกับ “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ขาใหญ่ในรัฐบาล ทั้ง เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ และ ทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์
การเคลื่อนไหวของ ส.ว.เหล่านี้เป็นการเปิดเกมยื้อเลือกตั้งจากฝ่ายรัฐบาลหรือไม่?
นายอภิสิทธิ์แม้ปากจะบอกพร้อมเลือกตั้ง แต่ในใจไม่รู้คิดเช่นนั้นหรือไม่ เช่นเดียวกับคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เพราะกระแสความนิยมตอนนี้มีแต่ทรงกับทรุด ตั้งแต่ภาวะข้าวยากหมากแพง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ที่ต้วมเตี้ยมล่าช้า เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีผลงาน หรือ ตัวช่วยอะไรมาทำให้กระแสของรัฐบาลดีขึ้นเลย
เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เตรียมตัวเฮโลกันไปเป็นฝ่ายค้านได้เลย
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่า ไม่อยากให้มีการยุบสภาเร็ว ขออยู่เสวยสุขกันให้ยาวนานดีกว่า เลือกตั้งครั้งหน้ายังไม่รู้ออกหัวออกก้อย และเมื่อดีดลูกคิดรางแก้วแล้วถ้าลากยาวไปคนที่เสื่อมหนักก็น่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า พรรคร่วมไม่ค่อยกระทบเท่าไหร่
ดังนั้น จึงอาจมีการเดิมเกมยื้อเลือกตั้งผ่านทาง ส.ว. โดยอาศัยเรื่องการแก้กฎหมายลูกมาเป็นตัวแปร อาจจะมีการล็อบบี้สั่งการจากคนในรัฐบาลก็ได้ เรื่องแบบนี้นินทากันว่ารัฐบาลชุดนี้ถนัดนัก
หากรัฐบาลจะเดินเกมนี้เองในเวทีสภาผู้แทนราษฎรคงไม่สวยแน่ เพราะนายกฯประกาศยุบสภาเป็นสัญญาประชาคมไว้แล้ว หากเล่นเกมตุกติกซึ่งหน้ามีหวังถูกด่าเปิง แถมเสียคะแนนนิยมฐาน “ปากว่าตาขยิบ” ดังนั้น การเดินเกมลับลวงพรางน่าจะเหมาะสมกว่า
อย่างไรก็ตาม ได้มีการแปรญัตติจาก ส.ว.บางส่วน เสนอให้ตัดการเลือกตั้งล่วงหน้าทิ้งไป เพราะเห็นความไม่โปร่งใสในหลายขั้นตอน ผลคะแนนที่ออกมาในช่วงหลังส่อไปในทางไม่ปกติ มีคนมาใช้สิทธิสูงผิดปกติแบบเทไปข้างใดข้างหนึ่ง
ถ้าหากสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแปรญัตตินี้ ก็เท่ากับต้องแก้ไขในหลักการ และโยนกลับไปที่สภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจอีกทีว่า จะเห็นด้วย หรือว่ายืนยันตามร่างเดิม
จุดนี้อาจเป็นช่องให้รัฐบาลเล่นเกมยื้ออย่างถนัดถนี่ด้วยการยืนยันร่างเดิมว่าให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า และต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมขึ้นมาพิจารณาอีกกระทอกหนึ่ง เวลาทุกอย่างที่วางไว้ก็จะทอดยาวออกไปอีก
ทั้งหมดทั้งมวลยามนี้ ต้องจับตาไปดูที่ความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้นเร็วหรือช้า และต้องจับตาความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลว่ามีความพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซง หรือบงการให้วุฒิสภาเดินเกมอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่
การเมืองมองเพียงหน้าฉากไม่ได้ เพราะเบื้องหลังจะซ่อนไว้ซึ่งสีเทา และดำมืด!!
เสือกระดาษ
เพราะมันเกิดเสียงทะแม่งๆ ออกมาจากฝ่าย ส.ว.แย้มว่า การแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งที่ ส.ส.พิจารณาเสร็จแล้วส่งมาให้ อาจเสร็จไม่เร็วตามกำหนด จนอาจทำให้การยุบสภา ตลอดจนการเลือกตั้งต้องทอดยาวออกไปกว่าที่นายกฯ ตั้งเป้าไว้
น่าสังเกตว่า ส.ว.ที่ออกมาเดินเกม “เตะถ่วง” ล้วนมีภูมิหลังใกล้ชิดกับ “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ขาใหญ่ในรัฐบาล ทั้ง เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ และ ทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์
การเคลื่อนไหวของ ส.ว.เหล่านี้เป็นการเปิดเกมยื้อเลือกตั้งจากฝ่ายรัฐบาลหรือไม่?
นายอภิสิทธิ์แม้ปากจะบอกพร้อมเลือกตั้ง แต่ในใจไม่รู้คิดเช่นนั้นหรือไม่ เช่นเดียวกับคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เพราะกระแสความนิยมตอนนี้มีแต่ทรงกับทรุด ตั้งแต่ภาวะข้าวยากหมากแพง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ที่ต้วมเตี้ยมล่าช้า เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีผลงาน หรือ ตัวช่วยอะไรมาทำให้กระแสของรัฐบาลดีขึ้นเลย
เลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เตรียมตัวเฮโลกันไปเป็นฝ่ายค้านได้เลย
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่า ไม่อยากให้มีการยุบสภาเร็ว ขออยู่เสวยสุขกันให้ยาวนานดีกว่า เลือกตั้งครั้งหน้ายังไม่รู้ออกหัวออกก้อย และเมื่อดีดลูกคิดรางแก้วแล้วถ้าลากยาวไปคนที่เสื่อมหนักก็น่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า พรรคร่วมไม่ค่อยกระทบเท่าไหร่
ดังนั้น จึงอาจมีการเดิมเกมยื้อเลือกตั้งผ่านทาง ส.ว. โดยอาศัยเรื่องการแก้กฎหมายลูกมาเป็นตัวแปร อาจจะมีการล็อบบี้สั่งการจากคนในรัฐบาลก็ได้ เรื่องแบบนี้นินทากันว่ารัฐบาลชุดนี้ถนัดนัก
หากรัฐบาลจะเดินเกมนี้เองในเวทีสภาผู้แทนราษฎรคงไม่สวยแน่ เพราะนายกฯประกาศยุบสภาเป็นสัญญาประชาคมไว้แล้ว หากเล่นเกมตุกติกซึ่งหน้ามีหวังถูกด่าเปิง แถมเสียคะแนนนิยมฐาน “ปากว่าตาขยิบ” ดังนั้น การเดินเกมลับลวงพรางน่าจะเหมาะสมกว่า
อย่างไรก็ตาม ได้มีการแปรญัตติจาก ส.ว.บางส่วน เสนอให้ตัดการเลือกตั้งล่วงหน้าทิ้งไป เพราะเห็นความไม่โปร่งใสในหลายขั้นตอน ผลคะแนนที่ออกมาในช่วงหลังส่อไปในทางไม่ปกติ มีคนมาใช้สิทธิสูงผิดปกติแบบเทไปข้างใดข้างหนึ่ง
ถ้าหากสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแปรญัตตินี้ ก็เท่ากับต้องแก้ไขในหลักการ และโยนกลับไปที่สภาผู้แทนราษฎรตัดสินใจอีกทีว่า จะเห็นด้วย หรือว่ายืนยันตามร่างเดิม
จุดนี้อาจเป็นช่องให้รัฐบาลเล่นเกมยื้ออย่างถนัดถนี่ด้วยการยืนยันร่างเดิมว่าให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า และต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมขึ้นมาพิจารณาอีกกระทอกหนึ่ง เวลาทุกอย่างที่วางไว้ก็จะทอดยาวออกไปอีก
ทั้งหมดทั้งมวลยามนี้ ต้องจับตาไปดูที่ความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้นเร็วหรือช้า และต้องจับตาความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลว่ามีความพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซง หรือบงการให้วุฒิสภาเดินเกมอย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่
การเมืองมองเพียงหน้าฉากไม่ได้ เพราะเบื้องหลังจะซ่อนไว้ซึ่งสีเทา และดำมืด!!
เสือกระดาษ