“เทพเทือก” หนุนแนวคิด “มาร์ค” ให้ กกต.วางกฎห้ามหาเสียงกระทบสถาบัน ระบุมีบางแก๊งเหิมชอบก่อปัญหา อ้างจำเป็นต้องขยาย พ.ร.บ.ความมั่นคงอีก 30 วัน ให้ตำรวจคุมสถานการณ์บ้านเมือง ไม่มีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง หัวเราะลั่น พท.เตรียมร้อง ป.ป.ช.ฟันนายกฯ พักฟรีโรงแรมหรูเกาะสมุยช่วงสงกรานต์ บอกดี “ไอ้ตู่” แจ้งความ ผบ.ทบ.พิสูจน์ตามกฎหมาย เผย 23 เม.ย.จัดงานรับบริจาคช่วยสร้างบ้านให้ผู้ประสบอุทกภัยที่สุราษฎร์ธานี
วันนนี้ (18 เม.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ กกต.วางกฎเกณฑ์ ห้ามนักการเมืองหาเสียงพาดพิงสถาบันว่า ตนว่าสิ่งที่นายกฯเสนอนั้นมีความจำเป็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีบางกลุ่มบางพวกที่ไม่ค่อยคำนึง และทำอะไรโดยทำให้เป็นปัญหา ตนก็ตั้งใจไม่อยากจะพูดเรื่องนี้แล้ว ไม่ต้องการไปตอบโต้ เพราะเดี๋ยวจะถูกบิดเบือนว่าอิงสถาบัน หรือเอาเรื่องนี้มาฟาดฟันกันไม่จบ และตนพูดมาหลายทีแล้วก็ยังไม่รู้จักหยุดหย่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เพราะยังมีการฝ่าฝืนอยู่ตลอด ส่วนการทำหน้าที่รองนายกฯ ที่ดูแลความมั่นคงอยากจะกราบเรียนว่าเรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคง ก็จะดูแลให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนที่ ผบ.ตร.จะขอต่ออายุการประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.ความั่นคงฯ ในพื้นที่ที่มีการชุมนุมรอบทำเนียบฯ ไปอีก 30 วัน แต่มีการมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะทางตำรวจก็ไม่มีการดำเนินการอะไรอยู่เหมือนเดิม นายสุเทพกล่าวว่า วันนี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย ลุกลามขยายวงออกไปเกินกว่าเหตุได้ เพราะมีกฎหมายรองรับให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยังเป็นความจำเป็นอยู่ที่ต้องต่อายุ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่จะเป็นเครื่องมือให้ตำรวจดูแลสถานการณ์บ้านเมืองได้ในช่วงหลังจากนี้ไป แม้การประกาศยุบสภาในต้นเดือน พ.ค.
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางตำรวจไม่ได้เลี้ยงม็อบสองกลุ่มหน้าทำเนียบฯ เอาไว้ ถ้าจุดธูปบูชาขอให้เขากลับบ้านได้เขาก็ทำไปแล้ว น่าสงสารและเห็นใจตำรวจมากที่ต้องมาดูแลอยู่นาน 3 เดือนแล้ว ส่วนจะขยาย พ.ร.บ.ความมั่นคงฯยาวไปถึงวันเลือกตั้งเลยหรือไม่ก็แล้วแต่สถานการณ์ การตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) คราวนี้ เราให้ตำรวจดูแลอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็จะรอฟังการประเมินจาก ศอ.รส. ต่อไป แล้วตัดสินใจตามนั้น แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ว่าอ้างให้ตำรวจมาดูแลเรื่องม็อบแต่ไปทำอย่างอื่นในทางการเมือง อย่าไประแวง ทำไม่ทำอย่างนั้น ตนเป็นนักการเมืองมากว่า 30 ปี ไม่เคยไปเอารัดเอาเปรียบใคร และถ้าประชาชนจะเข้าชื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มายึดพื้นที่สาธารณะ รัฐบาลก็ไม่ห้าม ใครจะมีข้อต่อสู้ทางกฎหมายอย่างไรก็ให้ดำเนินการไปตามข้อกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์เชิญชวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่แตกแยกทาง ความคิดกับกลุ่ม นปช.ที่โดนแจ้งความคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาร่วมงานกัน นายสุเทพกล่าวว่า เขาไม่ได้ปรึกษาเลขิการพรรค ตนยังไม่ทราบว่าเขามีการไปเชิญชวนอย่างนี้ แต่ในบรรยากาศทางการเมืองขณะนี้มันจะเป็นการแสดงออกซึ่งจุดยืนของแต่ละคนแต่ละพรรคชัดเจน ถ้าแนวทาง อุดมการณ์หรือจุดยืนทางการเมืองแตกต่างกันก็เป็นปกติที่จะต้องแยกทางกันเดิน คนที่มีความคิดเห็นในแนวทางเดียวกันก็ร่วมทางกันไป คนที่เห็นแตกต่างกันก็ไปทำทางอื่น ทั้งนี้ตนพูดถึงการเมืองทั่วๆ ไป คงไปวิเคราะห์วุ่นวายไปถึงพรรคเพื่อไทยเขาไม่ได้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง จากกรณีที่มีบริษัทเอกชนให้นายกรัฐมนตรีและครอบครัว เข้าพักในโรงแรมหรูที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ตรงนี้เป็นพื้นที่ของท่านมีการจัดที่พักฟรีใฟ้นายกฯ หรือไม่ว่า นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องกังวลใจ เมื่อถามย้ำว่า มีใบเสร็จมาแสดงหรือไม่ นายสุเทพหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ตนไม่ได้ตามไปดู แม้จะรู้ว่าท่านไปเข้าพักที่ไหน แต่ก็ดูแลเท่าที่จำเป็นต้องทำ นายกฯ ไม่ได้มาคาดคั้นอะไร ตนเป็นเจ้าของบ้านอย่างเก่งก็เรียนว่าถ้าไปสมุยไปทานอาหารร้านนี้อร่อย ซึ่งนายกฯก็ทานอาหารง่าย ๆ ไม่ค่อยพิถีพิถันอะไร ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ก็ไม่มีปัญหาว่าไปตามกฎหมาย ตนพอใจที่เขาจะเดินเข้ามาสู่กระบวนการของกฎหมายอย่าไปทำอย่างอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และนายทหารพระธรรมนูญโดยกล่าวหาว่าแจ้งความเท็จกรณีหมื่นพระบรมเดชานุภาพ นายสุเทพกล่าวว่า ดีแล้วจะได้พิสูจน์กันตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเมื่อไหร่ทั้งสองฝ่ายจะเลิกทะเลาะกันเสียที ไม่ว่าจะเป็นสงกรานตืหรือปีใหม่ก็ยังไม่เลิก นายุสเทพกล่าวว่า “นั่นน่ะสิ ผมก็ขอว่าให้มันเรียบร้อยกันหน่อยได้มั้ย จะได้ไปเลือกตั้งกัน”
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า วันเสาร์ที่ 23 เม.ย.นี้ตนจะจัดงานระดมทุนใน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากมีความเสียหายมาก โดยเฉพาะบ้านเรือนประชาชนที่เสียหายทั้งหลังประมาณ 300 หลังคาเรือน โดยจะบอกบุญประชาชนทั่วไป รวมถึงเอกชนทั้งหลายที่มีใจกุศลได้มาช่วยกันบริจาคเงินมาช่วยกันสร้างบ้านให้ประชาชน ซึ่งบ้านแต่ละหลังราคาอยู่ที่หลังละประมาณ 2.4 แสนบาท ก็จะสร้างทั้ง 300 หลังให้เสร็จภายใน 3 เดือน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะได้เท่าไหร่ เพียงแต่จะเรี่ยไรไปเรื่อย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณของรัฐบาลด้วย เนื่องจากงบประมาณของรัฐบาลจะช่วยประชาชนที่บ้านพังทั้งหลังเพียงแค่หลังละ 3 หมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งในจังหวัดอื่นๆ ขณะนี้เริ่มลงตัวหมดแล้ว แต่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งนี้พอน้ำลดก็เห็นได้ชัดว่าเสียหายมาก จึงจำเป็นต้องมาระดมทุนช่วยกัน
