"ประพันธ์" แจงเหตุศาลรธน.จำหน่ายคำร้องเจบีซี เนื่องจากกระบวนการยังไม่ถึงไหน ยังไม่ครบองค์ประกอบที่จะพิจารณาได้ว่าเป็นสัญญาหรือไม่ ท้าหากสภามั่นใจว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญรีบเห็นชอบเลย พี่น้องผู้รักชาติจะไปยื่นศาลให้ พร้อมยันข่าวลือแกนนำพันธมิตรฯแตกแยกกัน หรือแตกกับพรรคการเมืองใหม่ ไม่เป็นความจริง เพียงแต่ประเด็นการต่อสู้เปลี่ยน องค์กรนำในการสู้เลยต้องเปลี่ยน ซัด "มาร์ค" อย่าเสี้ยม กลับไปดูตัวเองดีกว่าหลังจากนี้จะยังได้เป็นหัวหน้าปชป.หรือไม่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"
วันนี้ (30 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.40 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ขึ้นกล่าวบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ว่า สถานการณ์การต่อสู้ของพันธมิตรฯ มันเขม็งเกลียว และถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ ใกล้จุดที่สำคัญเข้าไปทุกขณะ การเรียกร้อง 3 ข้อ และกระแสที่ผุดขึ้นบนเวที เช่นกระแสโหวตโน กำลังกลายเป็นเรื่องที่ฮอตที่สุดในตอนนี้ นี่ก็คือการจุดประเด็นที่ทรงพลานุภาพที่สุดครั้งหนึ่งของพี่น้องพันธมิตรฯ
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ท้ายที่สุดแล้วการประชุมรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบบันทึกการประชุมเจบีซี 3 ฉบับ วันที่ 5 เมษายนนี้ จะจบลงอย่างไรยังไม่รู้ วันนี้มีหลายเรื่องทั้งเรื่องดินแดน เอกราช อธิปไตย ข้อต่อสู้เรียกร้อง 3 ข้อ ยังคาอยู่เหมือนหอกที่ปักอกนายอภิสิทธิ์ ไม่ว่าชี้แจงอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น มีเหตุผลที่ไร้น้ำหนัก กลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง นี่ก็ต้องนับว่าเป็นผลงานของพี่น้องประชาชนทุกคน
นายประพันธ์ กล่าวว่า มีผู้สื่อข่าวถามตนว่าในการต่อสู้ถึงวันนี้ มองผลความสำเร็จอย่างไร ตนก็ตอบว่า
1. เราได้ทำให้ประเด็นปราสาทพระวิหาร การเสียดินแดน กลายเป็นปัญหาของคนไทยทั้งชาติ และกลายเป็นประเด็นที่ต้องมาตระหนักร่วมกัน วันนี้คนไทยทั้งชาติรู้แล้วว่านายอภิสิทธิ์ทำไทยเสียดินแดน เสียอธิปไตย
2.การเปิดโปงการทุจริตของรัฐบาล กลายเป็นว่าเวทีนี้ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจที่ทรงพลานุภาพมากกว่าฝ่ายค้าน จนทำให้นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนนิยมตกต่ำลงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
3.ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าการเมืองมันล้มเหลว การเลือกตั้งสนองความต้องการประชาชนไม่ได้ จนนำไปสู่กระแสว่าจะเลือกตั้งไปทำไม ทำให้คนในสังคมมองเห็นปัญหาร่วมกัน ถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของพันธมิตรฯแล้ว
4.วันนี้ทุกองค์กร ทุกฝ่าย กำลังคิดหาทางหยุดการเมืองที่ล้มเหลวนี้ ทุกคนช่วยกันคิดหาทางออก ก็เพราะการยืนหยัดของพันธมิตรฯ และยังทำให้เป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาล อยู่ก็ยาก จะยุบสภาหนีก็ลำบาก อยู่เหมือนคนตายทั้งเป็น
นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยจากการที่ส.ส. 70 คน ของประชาธิปัตย์ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเจบีซีเป็นสัญญาหรือไม่ ศาลก็ให้จำหน่ายคดีไปแล้วเรียบร้อย เนื่องจากมันยังไม่เรียบร้อย อยู่ในกระบวนการของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ที่อยู่ในกระบวนการที่จะดำเนินการเพื่อนำไปสู่การตกลงและทำสัญญา เมื่อยังไม่ตกลงอย่างเป็นทางการ ศาลก็เลยบอกว่ามันยังไม่ถึงเวลา ยังไม่อยู่ในองค์ประกอบข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยได้
พูดง่ายๆคือการที่เราไปจ้างผู้รับเหมามาสร้างบ้าน แต่บ้านยังไม่เสร็จ ไปให้ศาลวินิจฉัย ศาลก็บอกว่ามันยังไม่เสร็จ พิจารณาไม่ได้ สรุปแล้วยังอยู่ในกระบวนการขอความเห็นชอบ เมื่อครบองค์ประกอบแล้ว ค่อยมาถามศาลรัฐธรรมนูญ
"พวกคุณก็ไปเสี่ยงกันเอาเอง ถ้าเห็นว่าการเห็นชอบเจบีซีนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็ทำไปสิ แล้วเดี๋ยวพี่น้องจะไปยื่นเรื่องต่อศาลเอง กรณีนี้ไม่เหมือนกับจอยท์คอมมูนิเก นายนพดลไปลงนามกับรัฐมนตรีกัมพูชามาแล้ว แล้วมาขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จึงมีผลเป็นแถลงการณ์ร่วม ศาลจึงตัดสินว่าเป็นสัญญา ถ้ารัฐบาลอยากรู้ว่าบันทึกข้อตกลงเจบีซี เป็นสัญญาหรือไม่ ก็รีบให้สภาเห็นชอบสิ จะได้ไปยื่นศาลให้" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ฝ่ายรัฐบาล ไม่รู้จะทำลายพันธมิตรฯอย่างไร จึงเสี้ยม สร้างเรื่องว่าแตกกัน หาว่าแกนนำแตกกับคณะกรรมการบนเวที แกนนำแตกแยกกับพรรคการเมืองใหม่ รับรองไม่มีวันสำเร็จ
ก็บอกแล้วการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ภายใต้การนำของพันธมิตรฯ แต่เนื่องจากเป็นกรณีปกป้องแผ่นดิน จึงขยายองค์กรให้กว้างขึ้นภายใต้ชื่อคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มธงใหญ่คือ พันธมิตรฯ แต่เราไม่ขัดแย้ง ที่แกนนำไม่ขึ้นมาเวทีพร้อมกันแล้วเปิดเพลงเทียนแห่งธรรม ก็เนื่องจากประเด็นการต่อสู้เปลี่ยน องค์กรนำ คณะกรรมการ ในการสู้ก็ต้องเปลี่ยน เพราะพวกเราไม่โง่เหมือนนายอภิสิทธิ์ ที่ต้องกอดเอ็มโอยูไปตลอดเพราะเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีไม่ได้
การต่อสู้หลักการต้องหนักแน่นดั่งขุนเขา ใครโยกคลอนไม่ได้ แต่ยุทธวิธีต้องพลิ้วไหวเหมือนไผ่ ลู่ลมได้ พลิกแพลง ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ คนพวกนั้นยังตามไม่ทัน ปัญหาพรรคการเมืองใหม่ก็จบไปแล้ว เป็นเรื่องการเมืองใหม่จะรับไปพิจารณาเอง พันธมิตรฯเคารพความเห็นของพรรค ไม่ก้าวก่ายแทรกแซง แต่สำหรับเราเดินหน้าโหวตโนเท่านั้น
เพราะฉะนั้นนายอภิสิทธิ์ และบรรดานักเสี้ยม ไปดูพรรคตัวเอง ไปดูตำแหน่งหัวหน้าพรรคก่อน จบงานนี้จะยังได้เป็นหัวหน้าพรรคหรือเปล่าก็ไม่รู้