บรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 29 มี.ค.2554 ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ แม้จะเนิ่นนานกว่า 60 วันแล้ว แต่ทุกคนยังยิ้มแย้มแจ่มใส มวลชนที่ติดภาระหน้าที่การงาน มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาร่วมแสดงพลังรักชาติอย่างไม่ขาดสาย โดยต่างบอกจะสู้จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ผู้นำที่มีใจรักชาติหวงแหนแผ่นดิน สำหรับในช่วงเสวนาราชอาณาจักรไทยกำลังเสียดินแดน “สองเทพแห่งสันปันน้ำ” ได้กล่าวทิ้งท้ายให้แง่คิด ดังนี้
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ก้าวต่อไปของเราหลังจากเอาพระแม่ธรณีมาอยู่กับเราแล้วที่นี่แล้ว ขอเตือนให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำชับพนักงานในพรรค ระวังไฟฟ้าช็อตพรรคภายในสองอาทิตย์นี้ ก้าวต่อไปอีกอย่างอังคารหน้าจะประชุมโหวตผ่านบันทึกเจบีซีนี้อีก ข้อสังเกต 5 ข้อที่ ส.ส.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี คิดว่า ตนเห็นด้วยนั้น ขอบอกเลยว่า ตนไม่เห็นด้วย และขออนุญาตลาออกจากคณะกรรมาธิการพิจาณาผลบันทึกประชุมตั้งแต่วันนี้ อยากบอกบรรดา ส.ว.กับ ส.ส.ข้อแรกของข้อสังเกต 5 ข้อ หากนายอภิสิทธิ์ ไม่นับระวางดงรักแสดงว่าท่านรับระวางอื่นใช่หรือไม่ หากนับระวางอื่นก็มีผลเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนเหมือนกัน อย่างไรก็ดี ข้อสังเกต 5 ข้อ เราจะหารายละเอียดมาให้ท่าน ส.ว.กับ ส.ส.ได้รับทราบเพื่อให้ท่านเอาไปตอบโต้นายอภิสิทธิ์ในวันอังคารหน้าอีกรอบ คราวนี้หากล่มอีกนายกฯควรลาออกไปได้แล้ว
“อยากให้พี่น้องลองคิด เห็น นายเนวิน กอดกับนายบรรหาร แล้วก็มากอดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นก็มากอด นายอภิสิทธิ์ คนใดที่นายเนวินกอดมักเจ๊งทุกราย นายเนวิน มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นคำพูดของท่านประธานชัย ที่บอกว่า ชีวิตนี้ตนได้เป็นประธานรัฐสภาแล้วลูกชายของตนก็น่าจะได้เป็นนายกฯด้วย”
ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า บรรดา ส.ส.ในสภา โดยเฉพาะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลกลัวอย่างมาก หากยกมือผ่านเจบีซีแล้วจะเลือกตั้งได้หรือไม่ แต่โทษทีสายไปแล้วประชาชนเขารู้หมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มองไปด้านหนึ่งก็เป็นพรรคเผาเมือง อีกด้านก็เป็นพรรคปล่อยประกันตัวพวกเผาเมือง ด้านนี้ก็เคยโดนเราไล่มาเพราะขี้โกง นู่นก็ขี้โกง หันซ้ายก็เคยด่ามันว่าขายชาติ หันขวาก็เคยด่ามันว่าขายชาติ ต้องเลิกเสียทีกับคำพูดที่ว่า ไม่เลือกเราเขามาแน่เพราะมันก็เหมือนกันหมด ดังนั้น ต้องเลิกให้นักการเมืองมาข่มขืนสิทธิในการหย่อนบัตรของประชาชนเสียที ถึงเวลาต้องดัดสันดานนักดานเมืองว่าประชาชนไม่ได้โง่และอย่ามาดูถูกประชาชน การโหวตโนหรือโนโหวตแม้จะไม่มีเสียงไปเปลี่ยนแปลงอำนาจคนที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล แต่เป็นการตบหน้านักการเมืองประจานไปทั่วโลก ว่า เป็นคนใช้ไม่ได้