ประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย คาดฝนตกใต้ต่ออีก 5 วัน ส่อรุนแรงเท่าปี 53 สั่งเจ้าหน้าที่อพยพแล้ว ห้ามนักเที่ยวเที่ยวเกาะ พร้อมสั่งผู้ว่าฯ ใช้งบช่วยได้เลย รับยังไม่มีแจ้งเพิ่ม อนุมัติ 20 ล้านซื้อถุงยังชีพช่วย พร้อมออกช่อง 9 ขอบริจาคพฤหัสฯ นี้ เล็งจ่าย 5 พันหลังน้ำลดเหมือนเดิม
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ คชอ. กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกและมีอุทกภัยต่อเนื่องกว่า 4 วันใน 7 จังหวัดของพื้นที่ภาคใต้นั้น ทางกรมอุตุนิยมวิทยาที่ออกมาระบุสถานการณ์ดังกล่าวจะมีระเวลาต่อเนื่องจากนี้อีก 5 วัน หากเป็นเช่นนั้นก็จะเท่ากับว่าเหตุการณ์ตอนนี้มีความรุนแรงกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 2553 ซึ่งทางรัฐบาลจึงมีความวิกตอย่างมาก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในจังหวัดต่างๆ อพยพประชาชนไปในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว โดยไม่ต้องรอดูสถานการณ์ใดๆ อีก เพื่อความปลอดภัยในทรัยพ์สินและชีวิต รวมไปถึงการห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปในพื้นที่เกาะต่างๆ โดยรอบด้วย
นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า การช่วยเหลือเยียวยาในตอนนี้ คือ การสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้เงินงบประมาณช่วยเหลือประชาชนได้เลย เมื่อเกิดความจำเป็น ซึ่งหากไม่พอก็สามารถทำเรื่องขอขยายงบประมาณได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีจังหวัดใดขอความช่วยเหลือเข้ามาเพิ่มเติม รวมไปถึงในวันพรุ่งนี้ทางกรุงเทพมหานครและจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางจะส่งเครื่องสูบน้ำและอุปกรณ์ในการช่วยเหลือสถานการณ์ลงไปช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ได้มีการอนุมัติเงินงบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อถุงยังชีพ ส่งไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะมีการดำเนินการในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยทางรัฐบาลจะจัดทำรายการเพื่อขอความช่วยเหลือจากประชาชนทั่วประเทศ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท ในวันพฤหัสบดีนี้ด้วย
นายสาทิตย์ยังกล่าวต่อว่า ส่วนการเยียวยาประชาชนภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมจบลงนั้น ทางรัฐบาลจะจัดงบประมาณเพื่อชดเชยพืชผลที่เสียหายไปจากเหตุอุทกภัย และทาง คชอ.จะพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนครอบครัวละ 5000 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาภายหลังเหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้ด้วย
ขณะที่ นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รอง ผอ.ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย (ศชอ.) แถลงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขณะนี้สภาพอากาศยังมีหย่อมกดอากาศต่ำ กำลังแรงยังคงปกคลุมบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก และคาดว่าจะเคลื่อนตังลงสู่ทะเลอันดามันในวันที่ 30 มี.ค.นี้ แต่ยังทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่ต่อไปอีก 1-2 วัน ขอให้ประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ โดยเฉพาะ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน สูง 2-4 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง 2-3 วันนี้
นายวิทเยนทร์กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังดินโคลนถล่มเพิ่มเติม คือ อ.เมือง อ.กะปง อ.ทุ่งตะกั่วทุ่ง จ.พังงา อ.ศิชล จ.นครศรีธรรมราช อ.วิภาวดี อ.กาญจนดิษฐ์ อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ขณะนี้ได้แจ้งให้ประชาชนอพยพประชาชนเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง คือ ตำบลตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี และบ้านคลองเหนือ ต.ทุ่งโพธิ์ อ.จุฬาภภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช อย่างไรก็ตาม สำหรับสนามบิน จ.นครศรีธรรมราช ยังปิดให้บริการ สนามบินสมุยแจ้งปิดให้บริการถึงเที่ยงวันนี้ แต่ขอให้รอประกาศเพิ่มเติมหลังจากมีการประเมินสถานการณ์ และเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเกาะต่างๆ โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน ให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง 1-2 วันนี้ เตือนชาวประมงให้รอฟังข่าวสาร คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะมีต่อไปอีก 5-7 วันจึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ
นายวิทเยนทร์กล่าวอีกว่า สถานการณ์ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง 7 จังหวัด 64 อำเภอ 371 ตำบล 2763 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 310,406 ครัวเรือน 979,665 คน ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา และกระบี่ มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ขณะนี้โรงพยาบาลท่าศาลา ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว สามารถให้บริการผู้ป่วยโดยตั้งเต็นท์บริการหน้าโรงพยาบาลท่าศาลา ขณะนี้มีน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ 7 แห่ง ได้แก่ ห้วยน้ำไส คลองกระทูน คลองดินแดง เสม็ดจวน (จ.นครศรีธรรมราช) ป่าพะยอม ป่าบอน (จ.พัทลุง) และคลองท่างิ้ว (จ.ตรัง)
นายวิทเยนทร์กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกฯ โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธาน คอช.จะเสนออนุมัติงบประมาณเบื้องต้น 20 ล้านบาท เพื่อซื้อถึงยังชีพ และของจำเป็น จัดส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในวันที่ 30 มี.ค.นี้ และในวันที่ 30 มี.ค.เวลา 07.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานส่งคาราวานความช่วยเหลือออกจากทำเนียบรัฐบาลด้วย
